ข่าวเศรษฐกิจ

'จอร์จ โซรอส' พ่อมดการเงินส่งต่ออาณาจักร 8.6 แสนล้านบาทให้ลูกชาย

12 มิ.ย. 66
'จอร์จ โซรอส' พ่อมดการเงินส่งต่ออาณาจักร 8.6 แสนล้านบาทให้ลูกชาย

‘จอร์จ โซรอส’ (George Soros) มหาเศรษฐี นักลงทุน และผู้จัดการกองทุน ชื่อดังของสหรัฐฯ ที่เคยถูกครหาว่าเป็นผู้แทรกแซงเงินบาทไทยจนทำให้เกิดวิกฤตการเงินในปี 1997 ประกาศส่งต่ออาณาจักรธุรกิจและกองทุนเพื่อการกุศลมูลค่าถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.6 แสนล้านบาทให้ ‘อเล็กซานเดอร์ โซรอส’ (Alexander Soros) ลูกชายวัย 37 ปีของตัวเอง

1109284069_0_0_1080_1080_1920

ข่าวนี้สร้างความแปลกใจให้ทุกคนเพราะจอร์จ โซรอสเคยพูดไว้ว่าเขาไม่อยากจะยกธุรกิจและกิจการการกุศลต่างๆ ให้กับลูกเพราะมองว่าผู้สืบทอดมรดกของเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนในครอบครัว แต่ควรจะเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด แต่เขากล่าวว่าหลังจากได้เห็นลูกชายทำงาน เขาก็เห็นความสามารถและไว้วางใจให้ลูกชายคนนี้เป็นผู้สืบทอด

อเล็กซ์ โซรอส เป็นลูกชายคนเกือบสุดท้องของ จอร์จ โซรอส และ ซูซาน เวเบอร์ ภรรยาคนที่สอง โดยก่อนหน้านี้เขาได้ทำงานด้านการกุศลในมูลนิธิต่างๆ เพื่อสนับสนุนการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมมาตลอด ซึ่งสอดคล้องกับอุดมการณ์ของจอร์จที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนองค์กรที่ส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนเช่นเดียวกัน 

ปัจจุบัน อเล็กซ์เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในครอบครัวโซรอสที่นั่งเก้าอี้คณะกรรมการการลงทุนของ Soros Fund Management ธุรกิจการลงทุนที่ดูแลทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของมูลนิธิและครอบครัวโซรอส และได้ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นประธานของ Open Society Foundations (OSF) องค์กรไม่หวังผลกำไรที่ก่อตั้งโดยโซรอสในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา 

afp.com-20160421-ph-gty-52283

ในปี 2017 จอร์จได้ย้ายสินทรัพย์จำนวนถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐไปให้ OSF ซึ่งได้แจกจ่ายเงินจำนวน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นประจำทุกปี ให้แก่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยทั่วโลก

โดยหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดธุรกิจต่อจากผู้เป็นพ่อ อเล็กซ์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่าเขานั้น ‘สนใจการเมือง’ ยิ่งกว่าพ่อเขาเสียอีก ซึ่งก็น่าติดตามว่าจะเป็นอย่างไร เพราะจอร์จนั้นตกเป็นจำเลยในทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองบ่อยๆ จากความคิดเห็นทางเมืองเอียงซ้ายของเขา รวมไปถึงที่เขาถูกพูดถึง และกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้เงินสนับสนุนผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองในไทยด้วย

 

พ่อมดการเงินฉายา ‘ผู้ทำลายธนาคารกลาง’

จอร์จ โซรอส เป็นนักลงทุนที่ร่ำรวยขึ้นมาจากการจัดการเฮดจ์ฟันจ์ ที่ชื่อว่า Quantum Fund ที่เคยสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 30% ต่อปี โดยในปี 1970 ถ้าใครฝากเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐไว้กับกองทุนของจอร์จ ในปี 2020 เงินก้อนนั้นจะเติบโตขึ้นไปเป็น 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่สูงมาก

จากการรายงานของ Business Insider กองทุน Quantum Fund ที่บริหารโดยจอร์จ และ จิม โรเจอร์ส มีกลยุทธ์การลงทุนโดยวิเคราะห์แนวโน้มตลาดตามสภาพเศรษฐกิจและการเมืองของแต่ละประเทศ และมักจะลงเงินจำนวนมากในการลงทุนแบบเดียว ที่ถ้าวิเคราะห์ถูกก็ทำกำไรได้มหาศาล แต่ถ้าเดาผิดก็จะเสียหายมากเช่นกัน

โดยการลงทุนครั้งที่โด่งดังที่สุด 2 ครั้งของกองทุนนี้ ก็คือ การโจมตีค่าเงินปอนด์ในปี 1992 และการโจมตีค่าเงินบาทในปี 1997 ด้วยการขายชอร์ตเงิน 2 สกุลเมื่อมองเห็นแล้วว่า เงิน 2 สกุลในขณะนั้นมีมูลค่าสูงกว่าที่ควรจะเป็น ในกรณีของอังกฤษเป็นเพราะในขณะนั้น อังกฤษต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามประเทศอื่นในสหภาพยุโรปเพื่อเตรียมตัวเปลี่ยนไปใช้ค่าเงินยูโร และประเทศไทยที่ฝืนตรึงค่าเงินบาทไว้กับดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งในไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องล้ม เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติระบบเศรษฐกิจ

เมื่อ Quantum Fund เข้าไปโจมตีค่าเงินเหล่านี้ด้วยการขายชอร์ต มันก็เป็นการเร่งให้ค่าเงินเหล่านี้ ล้มเร็วกว่าเดิม เพราะเป็นการส่งสัญญาณให้คนอื่นรู้ว่าค่าเงินเหล่านี้ไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ทำให้ธนาคารกลางต้องเอาเงินสำรองไปพยุงค่าเงินเหล่านี้ไว้ สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว ทั้งต้องยอมปล่อยให้ค่าเงินลอยตัวและหล่นวูบ ทั้งไม่เหลือเงินสำรองในการป้องกันตัวเอง ทำให้ธุรกิจที่ไปกู้เงินในสกุลเงินดอลหนี้เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะค่าเงินอ่อนตัวลงมากในเวลาอันรวดเร็ว จนล้มละลายและต้องปิดตัว ทำเศรษฐกิจในประเทศล้มไปเป็นทอดๆ

นี่จึงทำให้จอร์จ โซรอสได้ฉายาว่า เป็นผู้ทำรายได้จากการทำลายธนาคารกลางและค่าเงินของประเทศอื่น โดยจอร์จสามารถทำรายได้ไปได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการโจมตีค่าเงินปอนด์ และ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการโจมตีค่าเงินบาท

 

ตัวเอกในทุกทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวา

อย่างไรก็ตาม นอกจากความสามารถในการลงทุนแล้ว จอร์จยังมีชื่อเสียงในฐานะเศรษฐีใจบุญที่แจกเงินให้กับองค์กรและมูลนิธิที่ทำงานส่งเสริมประชาธิปไตย การรักษาสิ่งแวดล้อม และการปกป้องสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั้งในสหรัฐ และทั่วโลกอยู่เสมอ ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนการเมืองแบบลิเบอรัล และมีหัวเอียงซ้าย

แน่นอนว่า การที่จอร์จออกตัวสนับสนุนพรรคการเมืองฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเป็นพิเศษ แถมยังมีประวัติทำให้ค่าเงินของประเทศอื่นล่มจมเพื่อผลกำไรของตัวเอง ก็ทำให้เขาเป็นเป้าโจมตีจากนักการเมืองฝ่ายขวา และนักการเมืองต่างประเทศบางประเทศว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหลายการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน 

จอร์จเคยถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทำให้เกิดวิกฤตผู้อพยพในยุโรป หรือเป็นผู้นำผู้อพยพเข้ามาทำงานในประเทศยุโรป ซึ่งบางคนมองว่าเป็นการสร้างภาระทางการเงินและปัญหาสังคมให้ประเทศ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรี การเรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐ การเคลื่อนไหวต่อต้านไม่ให้ Brett Kavanaugh ขึ้นรับตำแหน่งคณะตุลาการศาลสูงของสหรัฐฯ หลังมีผู้หญิงจำนวนมากออกมาให้การว่าเคยถูกเขาล่วงละเมิดทางเพศ รวมไปถึงเป็นผู้จัดฉากให้มีการฆาตกรรม 'จอร์จ ฟลอยด์' ที่เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเพราะถูกตำรวจใช้เข่ากดคอไว้

เรียกได้ว่า เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากในหมู่ผู้นิยมทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งในหลายกรณีก็ไม่มีหลักฐานชี้ว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจริง นอกจากการกล่าวหาของคนในโลกออนไลน์ ซึ่งก็น่าสนใจว่า เมื่ออเล็กซ์ขึ้นมากุมบังเหียนอาณาจักรโซรอสแทนพ่อแล้ว เขาจะได้กลายมาเป็นหุ่นฟางตัวต่อไปของฝ่ายขวาหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเขาออกตัวแล้วว่าเขาจะสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อ และจริงจังกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่าพ่อเสียอีก

 

ที่มา: Business Insider, Investopedia



advertisement

SPOTLIGHT