อุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนสู่เทคโนโลยี EV ท่ามกลางแรงกดดันจาก Tesla และแบรนด์จีน ค่ายรถอย่าง Honda, Nissan, และ Toyota เร่งปรับกลยุทธ์ เช่น การควบรวมกิจการและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งและความมั่นคงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในตลาดโลก
3 สหายค่ายรถญี่ปุ่น เตรียมผนึกกำลังสู้ Tesla - ค่ายรถจีน
เบื้องหลังการปรับตัวของ Honda, Nissan และ Mitsubishi: ก้าวสำคัญสู่การควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมยานยนต์
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์เกิดขึ้น เมื่อ Honda และ Nissan เริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ ในการเจรจาควบรวมกิจการเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (18 ธ.ค.67) เพื่อสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งสู้กับคู่แข่งระดับโลก เช่น Toyota, Tesla และแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน
หากวิเคราะห์จากมูลค่าตลาดรถยนต์ทั่วโลกรวม 9 เดือนแรกของปี 2024 อยู่ที่ 2.82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อดูในส่วนแบ่งการตลาดของเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นมีสัดส่วนดังนี้
Toyota มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 236.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 8.44%
Honda มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 3.66 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1.30%
Nissan มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.36%
Mitsubishi มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.14%
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ Mitsubishi ซึ่งปัจจุบัน Nissan ถือหุ้นใหญ่ 34% จะเข้าร่วมในโครงสร้างบริษัทโฮลดิ้งที่อาจเกิดขึ้น การปรับโครงสร้างนี้ส่งผลให้หุ้น Nissan พุ่งขึ้น 23.7% ทันทีหลังข่าวแพร่ออกไป โดยในวันเดียวกัน มีรายงานว่า Foxconn สนใจเข้าซื้อหุ้น Nissan จนอาจถึงขั้นเทกโอเวอร์
ภาพรวมของ Honda และ Nissan
Honda แม้จะมีมูลค่าตลาดที่ 3.66 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่า Nissan ที่มีมูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ Honda กำลังประสบปัญหาในการแข่งขันด้านการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แม้จะเคยร่วมมือกับ GM แต่ความร่วมมือดังกล่าวก็ยุติลง ทำให้ Honda ต้องปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
Nissan กำลังเผชิญวิกฤตทางการเงินและยอดขายที่ตกต่ำ โดยเฉพาะในจีนและสหรัฐฯ Renault ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรหลักของ Nissan ก็ลดสัดส่วนการถือหุ้นลง ทำให้บริษัทเร่งมองหานักลงทุนรายใหม่
เหตุผลสำคัญที่ผลักดันการควบรวม
1. พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ เพื่อต่อสู้กับแบรนด์ EV จีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
2. รับมือความไม่แน่นอนในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีการกลับมาของ Donald Trump ซึ่งอาจตั้งกำแพงภาษีรถยนต์ใหม่
3. การต่อสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota และtesla ซึ่งยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดโลก
หากการควบรวมสำเร็จ คาดว่ายอดขายรวมจะอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านคันต่อปี
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ในประเทศไทย เป็นฐานการผลิตสำคัญของค่ายรถญี่ปุ่นหลายราย แผนการลงทุนยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง ภายใน 5 ปี ค่ายรถญี่ปุ่น 4 ราย ได้แก่ Toyota, Honda, Isuzu และ Mitsubishi เตรียมลงทุนรวม 1.5 แสนล้านบาท เพื่อขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด
ล่าสุด Toyota ประกาศเพิ่มการลงทุนในไทยกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาสายการผลิตรถไฮบริด พร้อมย้ำว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ฟื้นตัว
การควบรวมกิจการของ Honda และ Nissan รวมถึงการปรับตัวของ Toyota สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่งทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยเองยังคงอยู่ในเรดาร์ฐานการผลิตสำคัญในยุคที่ EV กำลังกลายเป็นกระแสหลักของโลก