แม้โฉมหน้า ครม.ชุดใหม่ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นโยบายต่างๆจากตอนหาเสียงจะต้องถูกนำมาใช้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะนโยบายเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่กำลังเป็น
กระแสอยู่ในขณะนี้ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเองก็ยืนยันว่า สามารถทำได้แน่นอน
ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท นับเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ แต่ระยะสั้น เพราะระยะเวลาการใช้จ่ายคือ ภายใน 6 เดือน นโยบายนี้เป็นการเติมเงินให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 10,000 บาท โดยจะมีการสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายใกล้บ้าน 4 กิโลเมตร
สำหรับการจับจ่ายใช้สอย ประชาชนสามารถนำไปซื้อสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตได้ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุข ยาเสพติดและการพนัน และไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
เงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าชุมชนและบริการที่ “อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร” เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะมีการพิจารณาเป็นกรณี โดยร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง
โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล
กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งใสสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จ่ายไปจะหมุนเวียนเข้ามาเป็นภาษีของรัฐบาลเพื่อเอา เงินไปสนุบสนุนประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น นี่คือ สิ่งที่ถูกประกาศไว้ในเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ ยังมีนโยายเศรษฐกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับปากท้องประชาชน เช่น การทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน จากปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด 354 บาทต่อวัน ขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี เป็น 25,000 บาท การพักหนี้ 3ปี และการลดราคาพลังงาน
ข้อมูลจาก บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสเอ็กซ์ มีการวิเคราะห์ถึงผลของนโยบายพรรคเพื่อไทยดังนี้
ด้วยภาพดังกล่าวทำให้ อินโนเวสเอ็กซ์ มองว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะยังขยายตัวได้ประมาณ 3.0% แต่มี Upside จากนโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ ประมาณ 1.0% อย่างไรก็ตาม ในกรณีเลวร้าย เช่น เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจทั้งจากจีนและ/หรือ สหรัฐ รวมถึงเกิดสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง อาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำที่ประมาณ 2.1% ได้