ข่าวเศรษฐกิจ

เทศกาลกินเจปีนี้ คาดมีคนกินเจเพิ่มขึ้น คาดเงินสะพัดในกรุงเทพฯ โต 3.5%

11 ต.ค. 66
เทศกาลกินเจปีนี้ คาดมีคนกินเจเพิ่มขึ้น  คาดเงินสะพัดในกรุงเทพฯ โต 3.5%

เทศกาลกินเจปีนี้ เป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ตามปฎิทินจีนตรงกับเดือนตุลาคมในปฎิทินสากล โดยจะเริ่มขึ้นวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 รวมเป็นเวลา 9 วัน ถือเป็นการรักษาศีล งดเนื้อสัตว์ ประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ 

เทศกาลกินเจเป็นวัฒนธรรมของชาวจีนที่สืบทอดกันมากว่า 400 ปี ซึ่งคนไทยเชื้อสายจีน หรือคนไทยก็มีความเชื่อเรื่องการกินเจ ตามแนวทางพุทธศาสนา เป็นการละเว้นการฆ่าสัตว์ รักษาศีล ชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดผ่องใส

โดยในปีนี้ ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปีนี้ราคาอาหารเจน่าจะยังคงปรับสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตอาหารเจหลายรายการมีแนวโน้มจะขยับขึ้นจากช่วงเทศกาลกินเจปีก่อน ได้แก่ ผักบางชนิด (อาทิ คะน้า ฟักทอง เต้าหู้) และข้าว จากสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกหนักและน้ำท่วมในบางพื้นที่ซึ่งกระทบกับปริมาณผลผลิต 

นอกจากนี้ กลุ่มโปรตีนเกษตรก็น่าจะปรับขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มในช่วงกินเจ รวมถึงราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ล่าสุดเดือน ก.ย. 2566 ภาพรวมเงินเฟ้อหมวดอาหารที่บริโภคในบ้านที่เติบโต 1.5% จากปีก่อนและหมวดอาหารที่บริโภคนอกบ้านที่เติบโต 1.1% จากปีก่อน 

สะท้อนให้เห็นว่า ทิศทางราคาอาหารเจทั้งที่บริโภคในบ้านและร้านอาหาร ก็น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ขณะที่จำนวนคนกินเจในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพและการกลับมาใช้ชีวิตปกติ 

ด้วยทิศทางราคาอาหารเจที่มีอาจปรับสูงขึ้น ประกอบกับความกังวลต่อค่าครองชีพที่สูงและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ แม้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพบางส่วน อาทิ มหกรรมลดราคา แต่ผู้บริโภคยังกังวลกับภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมถึงรายได้ในอนาคต 

สะท้อนจากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า คนกรุงเทพฯ ที่วางแผนจะกินเจ พยายามปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย เพื่อควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายตลอดเทศกาล โดยการลดวันกินเจลง รวมถึงเลือกใช้บริการช่องทางการจำหน่ายที่ราคาไม่สูง อาทิ ร้านอาหารตักขายข้างทางและนั่งทานในร้าน 

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลกินเจปี 2566 น่าจะอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท หรือขยายตัว 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากระดับราคาอาหารเจที่อาจปรับขึ้นราว 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ปริมาณการบริโภคอาหารเจโดยรวมน่าจะเติบโตเล็กน้อยหรือราว 1.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน 


โจทย์สำคัญคงอยู่ที่แนวทางในการกระตุ้นยอดขายและฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นแม้อยู่นอกเทศกาลกินเจ โดยเฉพาะการชูจุดขายความคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเทียบกับอาหารทั่วไป รวมถึงพัฒนาความพิเศษให้กับเมนูอาหารเพื่อสร้างประสบการณ์การบริโภคที่ดีและนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำ อาทิ ใช้วัตถุดิบ         พรีเมียมที่มีคุณค่าทางอาหารสูง (โปรตีนทางเลือก ซุปเปอร์ฟู้ด) พัฒนาเมนูแปลกใหม่ที่แตกต่างกว่าอาหารเจเดิมๆ ที่มีจำหน่ายในตลาด รวมถึงการจัดโปรโมชั่นหรือส่วนลดให้กับอาหารเจทั้งในและนอกเทศกาลกินเจ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT