ภารกิจของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ก่อนจะเดินไปสิงค์โปร์ ได้เดินทางไปเยือนมาเลเซีย ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีของไทย ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซียด้วยและได้หารือกันในหลายประเด็น
โดยนายกฯเศรษฐา ได้ระบุผ่านทางเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ เมื่อวันที่11 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า “ผมกับนายหลี่ ชูฟู ประธานบริษัทจีลี่ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Geely Holding Group) เจ้าของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีน และหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท Proton บริษัทผลิตรถยนต์ของมาเลเซีย ได้พูดคุยกันเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยทาง Proton สนใจมาลงทุนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทย ผมจึงได้ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลเราสนับสนุนการลงทุนทำ EV และขอให้ Geely ประสานงานต่อกับภาครัฐเพิ่มเติมเพื่อพูดคุยในรายละเอียดต่อไปครับ”
“ทั้งนี้ บริษัท Geely Holding Group ยังเป็นเจ้าของ Volvo และ Lotus และมีหุ้นใน Mercedes Benz ด้วยครับ”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุถึงแผนของขนาดของการลงทุนและกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Proton ในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามโปรตอน ของมาเลเซียซึ่งก่อตั้งมาในปี 1983 กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ ยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน Zhejiang Geely Holding Group เข้ามาถือหุ้นบางส่วนด้วย
ทั้งนี้ประเทศไทย กำลังเนื้อหอมในการดึงดูดการลงทุนจากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากทั่วโลก ให้มาตั้งฐานการผลิตในไทย โดยในช่วงที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีน ทั้ง GreatWal Motors และ BYD ได้ลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแล้ว เพราะรัฐบาลไทยเสนอเงินอุดหนุน 150,000 บาท (4,126 เหรียญสหรัฐฯ) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยค่ายรถที่ร่วมโครงการนี้ต้องมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยในปี 2567
สำหรับ BYD ของจีน ซึ่งคิดเป็น 30% ของปริมาณการขาย EV ในประเทศไทย วางแผนที่จะสร้างโรงงาน EV ในจังหวัดระยอง บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Great Wall Motor และกลุ่ม SAIC Motor ก็กำลังเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเช่นกัน
สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่นายกฯ เศรษฐาได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย มีหลากหลายประเด็น เช่น การค้าชายแดนและการลงทุน ตลอดจนถึงการท่องเที่ยวและความมั่นคง
นายเศรษฐาระบุว่า “ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นในการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกครับ การหารือกันในวันนี้ถือเป็นมิติทางการทูตใหม่ที่เน้นสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นความร่วมมือ 4 เรื่องหลัก คือ
- การค้าชายแดน และการค้าการลงทุน สำหรับเรื่องการลงทุนต้องขอบคุณนายกฯอันวาร์ที่ได้แนะนำให้ผมได้พบกับบริษัทรถ EV ซึ่งจะพิจารณาลงทุนในอุตสาหกรรมรถ EV ในไทย
- ด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมอาหาร ที่ไทยมีความเชี่ยวชาญการผลิต และส่งออกสินค้าฮาลาลให้แก่มาเลเซีย โดยมาเลเซียสามารถสนับสนุนไทยด้วยการรับรอง (Certify) อาหารฮาลาลของไทย ร่วมกันเปิดประตูส่งออกไปสู่ตลาดมุสลิมทั่วโลก
- ด้านการท่องเที่ยว ที่ต้องการส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น โดยผลักดันการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสุไหงโกลกแห่งที่สองให้สำเร็จให้ได้
- ด้านความมั่นคง ทั้ง 2 ประเทศเห็นตรงกันที่จะเปลี่ยนพื้นที่ไม่สงบให้เป็นสนามการค้า พัฒนาพื้นที่ชายแดนตอนใต้ของไทยและตอนเหนือของมาเลเซียร่วมกัน”