ข่าวเศรษฐกิจ

ราคาทองคำพุ่งไม่หยุด ใกล้แตะสถิติสูงสุดตลอดกาล วิเคราะห์ปัจจัยราคาทองพุ่ง

18 ก.ค. 67
ราคาทองคำพุ่งไม่หยุด ใกล้แตะสถิติสูงสุดตลอดกาล  วิเคราะห์ปัจจัยราคาทองพุ่ง

ราคาทองคำพุ่งทะยานไม่หยุด! ล่าสุด แตะระดับ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาล อะไรเป็นปัจจัยผลักดันราคาทองคำให้ร้อนแรงขนาดนี้?

YLG ชี้ 4 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำและคำแนะนำสำหรับนักลงทุน


เจาะลึกตลาดทองคำไทย ทิศทางราคา และโอกาสทางธุรกิจ


ราคาทองคำพุ่งไม่หยุด ใกล้แตะสถิติสูงสุดตลอดกาล วิเคราะห์ปัจจัยราคาทองพุ่ง

ราคาทองคำพุ่งไม่หยุด ใกล้แตะสถิติสูงสุดตลอดกาล  วิเคราะห์ปัจจัยราคาทองพุ่ง

YLG วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ใกล้ท้าทายสถิติเดิมที่ 2,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก 4 ประการ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย, การคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ย, แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ, และการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงการลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยกลุ่ม BRICS

YLG คาดการณ์ว่าราคาทองคำในระยะสั้นจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,376-2,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำไทย 96.5% จะเคลื่อนไหวในกรอบ 40,700-42,000 บาทต่อบาททองคำ สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ YLG แนะนำให้เริ่มต้นลงทุนทองคำด้วยวิธี DCA ผ่านแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ซึ่งสามารถลงทุนขั้นต่ำได้เพียง 100 บาท

YLG ชี้ 4 ปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งไม่หยุด ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกที่ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยมีปัจจัยสำคัญ 4 ประการที่ส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้ ได้แก่

  1. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว: ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้ถึง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อ่อนค่าลง และเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
  2. ความกังวลต่อสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯ: ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้งปลายปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ หนึ่งในผู้สมัครสำคัญ ถูกยิงเข้าที่ส่วนบนของหูขวาเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันมาลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  3. การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก: แม้ว่าธนาคารกลางจีนจะหยุดซื้อทองคำหลังจากซื้อต่อเนื่องมา 18 เดือน แต่ก็ยังไม่มีการเทขายออกมา ในขณะที่ธนาคารกลางประเทศอื่น ๆ ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง เช่น ตุรกี
  4. การเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS: ความร่วมมือระหว่างอินเดียและรัสเซียในการเชื่อมต่อระบบการชำระเงินโดยตรง เป็นการส่งเสริมนโยบายลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า De-Dollarization ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้ธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มการถือครองทองคำ

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในทองคำในขณะนี้ YLG ขอแนะนำกลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาทองคำปัจจุบันอยู่ในระดับสูงและมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยทองคำในตลาดโลกมีแนวรับอยู่ที่ 2,393-2,376 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวต้านที่ 2,432-2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ทองคำในประเทศ 96.5% มีแนวรับที่ 41,000-40,700 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านที่ 41,700-42,000 บาทต่อบาททองคำ

ในช่วงเวลาที่ราคาทองคำกำลังร้อนแรงและผันผวนเช่นนี้ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำอย่างใกล้ชิด การลงทุนในทองคำยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย โดย YLG แนะนำกลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ และการลงทุนแบบ DCA ผ่านแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนในทองคำอย่างสม่ำเสมอและปลอดภัย

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT