นับถอยหลังอีกกว่า 4 เดือน จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 การเลือกตั้งครั้งสำคัญที่คนอเมริกันจะได้เลือกประธานาธิบดีคนที่ 47 ของประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้เต็มไปด้วยความดุเดือด โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ลอบทำร้าย โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันและเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45
SPOTLIGHT Live Talk มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ถึงมุมมองต่อการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐฯในครั้งนี้ อาจารย์ถึงกับบอกว่า “เป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์” ของสหรัฐฯเลยก็ว่าได้
หลังเหตุการณ์ลอบยิงทรัมป์ ขณะกำลังปราศรัยที่รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันเสาร์ที่20 ก.ค.ตามเวลาในสหรัฐฯ จนทำให้มีผู้ร่วมในงานเสียชีวิต รวมถึงคนร้าย สังคมต่างแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มุมมองของ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย เพราะเมื่อ 2-3ปีที่ผ่านมา เคยมีบทความทางวิชาการประเมินว่า สหรัฐฯอาจเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง และอาจถึงขั้นบานปลายปะทะกันคล้ายๆสงครามกลางเมืองได้เลย ซึ่งเหตุผลสำคัญคือ การแยกขั้วรุนแรงมากโดยเฉพาะกลุ่มขวาจัดที่สนับสนุนทรัมป์ มีการแสดงออกชัดเจน เช่น การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์พ่ายแพ้ให้กับไบเดน เมื่อ 6 มกราคม 2021 เป็นต้น
อาจารย์สมชาย อธิบายว่า สาเหตุของการแบ่งขั้วที่รุนแรงในสังคมสหรัฐฯไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น แต่ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯซึ่งเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายของผู้คนหลายเชื้อชาติมารวมตัวกัน ผู้คนที่อพยพเข้ามามีทั้งความต้องการเสรีภาพ การผจญภัย ผู้ลี้ภัย และเมื่อวันเวลาผ่านไปการแบ่งขั้วก็เกิดขึ้น เกิดการแบ่งแยกทางวัฒนธรรม อาชีพการงาน สะสมมาเป็นระยะเวลานาน จนเมื่อโลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์การแบ่งขั้วก็ยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นอีก นโยบายต่างๆของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจึงมีความสำคัญและมีผลกระทบอย่างมาก ไม่ใช่เพียงต่อโลกในฐานะที่อเมริกาเป็นมหาอำนาจเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบต่อคนอเมริกันหลากหลายกลุ่มที่อยู่ในประเทศอีกด้วย
กรณีของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมักมีนโยบายที่ไม่ได้อยู่ในกรอบ อาจทําให้มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจเพราะได้รับผลกระทบ เช่น ตัดเรื่องของความช่วยเหลือทางด้านสวัสดิการ หรือจัดการกับผู้ลี้ภัย เป็นต้น ขณะเดียวกันนับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 5 พ.ย. 2567 ยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหากผลเลือกตั้งออกมาไม่เป็นอย่างที่ทรัมป์คาดหวัง จะทำให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ว่า จะเริ่มมีคะแนนสงสารไปที่โดนัลด์ทรัมป์มากขึ้น แต่รศ.ดร.สมชาย มองว่า เป็นเพียงความรู้สึกระยะสั้นเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วประชาชนต้องกลับมาคิดว่า จะเลือกทรัมป์จริงหรือไม่จากนโยบายต่างที่หาเสียงไว้
“การเลือกตั้งครั้งนี้แปลกครับ เป็นปรากฏการณ์แก่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกันเพราะคนหนึ่ง 81 คนหนึ่ง 78 กับสองคนที่คนเกลียดทั้งคู่ เพราะฉะนั้นในการเลือกตั้งจะมีปรากฏการณ์ 'Double haters' คือ เกลียดทั้งคู่แต่จะเลือกคนที่เกลียดน้อยเพื่อที่จะไม่ให้คนที่เกลียดมากได้เป็นอีก หรืออาจจะมีอีกประเภทคือถือโอกาสไม่เลือกเลยก็ได้”
อย่างไรก็ตามในฝั่งแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตอาจจะยังไม่ร้อยเปอร์เซนต์ว่า จะเป็นโจ ไบเดน เนื่องจากพรรคจะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 19-22 สิงหาคม แต่ไม่ว่า ใครจะเป็นแคนดิเดตก็คาดว่า สถานการณ์การแบ่งขั้วในอเมริกาก็ไม่ได้หายไป
หากทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง! เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับอะไร?
ข้อแรกนโยบายของทรัมป์จะมีการเก็บภาษีนําเข้า 10% ทั่วโลก ข้อสองจะเก็บภาษีนําเข้ากับจีนประเทศเดียว 60% ในกรณีนี้ถ้าเกิดสมมุติทําอย่างนี้จริง นักวิเคราะห์ทางการเงินบอกว่า จะทำให้อเมริกาเกิดปัญหาเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะว่าการที่สหรัฐฯเก็บภาษีมากมายกับจีนจะทําให้เกิดเงินเฟ้อในอเมริกาสูงมาก ความสามารถในการแข่งขันลดต่ําลงดอกเบี้ยสูง ซึ่งในกรณีนี้ อเมริกากําลังเจอปัญหาหนี้สาธารณะ การขาดดุลงบประมาณมากทั้งหมดคือ ความเสี่ยงที่จะเกิดภ่วะเศรษฐกิจถดถอยได้
และแน่นอนว่าหากจีนถูกสถานการณ์การค้าโลกเล่นงาน ก็จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และปัจจุบันเศรษฐกิจจีนและไทยก็มีความเกี่ยวข้องกันไม่น้อยนั่นจึงเป็นผลกระทบทางอ้อมที่มาจะมาถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย จากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ2024
ชมคลิปการสัมภาษณ์ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ในรายการ SPOTLIGHT Live Talk