ธปท. ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความท้าทายจากความไม่แน่นอนโลกและนโยบาย “ทรัมป์ 2.0”
นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.9% ตามปัจจัยขับเคลื่อนและความท้าทายดังนี้:
ปัจจัยบวกที่ส่งเสริมเศรษฐกิจไทย
1. อุปสงค์ในประเทศ:
• การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 39.5 ล้านคน
• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการเงินโอน 10,000 บาท เฟส 2 และ 3 รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษี “Easy E-Receipt”
2. การส่งออก:
• การส่งออกสินค้าครึ่งปีแรกขยายตัว 2.7% โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
3. การลงทุนเอกชน:
• คาดขยายตัว 2.2%
ปัจจัยลบและความท้าทาย
1. นโยบาย “ทรัมป์ 2.0”
• มาตรการกีดกันทางการค้า:
• สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้ากับจีน (60%) และประเทศอื่น (10%)
• ส่งผลให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าจีนที่อาจทะลักเข้ามา (China flooding)
• การตอบโต้นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างดุเดือดจากประเทศคู่ค้า
2. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก:
• เศรษฐกิจจีนและการค้าโลกชะลอตัว
• ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและอัตราเงินเฟ้อโลกสูงขึ้น
3. อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ:
• ยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลง จากรายได้กลุ่มเปราะบางที่ฟื้นตัวช้า
4. ความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก:
• ความผันผวนเพิ่มขึ้นจากนโยบายของสหรัฐฯ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
1. ด้านการค้า:
• การส่งออกไปจีนลดลง และสินค้าไทยต้องแข่งขันกับสินค้าจีนที่เข้าสู่ตลาดไทย
2. ด้านการลงทุน:
• การย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทยอาจเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนอาจชะลอตัวจากความไม่แน่นอน
3. ด้านการท่องเที่ยว:
• เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอาจกระทบต่อการท่องเที่ยว
แนวโน้มเงินเฟ้อปี 2568
• คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบล่างที่ 1.1% ซึ่งยังอยู่ในเป้าหมาย แต่หากเงินเฟ้อสูงเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน
นโยบายดอกเบี้ย
• กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ต่อปี
• คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะพิจารณาปรับตามผลกระทบนโยบาย “ทรัมป์ 2.0”
เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงขยายตัวได้ในระดับปานกลาง ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” การแข่งขันทางการค้า และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันการบริหารจัดการความเสี่ยงในตลาดการเงินและการสนับสนุนการเติบโตในประเทศยังคงเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจ