กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กำลังจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งใหญ่ มูลค่าสูงสุดถึง 1.5 แสนล้านบาท! นักลงทุนรายย่อยเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจนี้ โดยกองทุนมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว ด้วยอัตราผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจระหว่าง 3-9% ต่อปี พร้อมทั้งการจัดสรรที่เป็นธรรมผ่านระบบ Small Lot First อย่าพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของหน่วยลงทุนในกองทุนที่มีศักยภาพเติบโตสูงนี้
นักลงทุนรายย่อยเตรียมตัว! กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง พร้อมเสนอขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนทั่วไป มูลค่ารวมสูงสุดถึง 150,000 ล้านบาท! โดดเด่นด้วยผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยมีอัตราขั้นต่ำที่ 3.0% ต่อปี และอาจสูงถึง 9.0% ต่อปี ซึ่งคงที่แน่นอนตลอด 10 ปี และจะเปิดจองซื้อ 16-20 กันยายนนี้ ใครสนใจสามารถจองซื้อได้ในราคาหน่วยละ 10 บาท เริ่มต้นเพียง 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาทเท่านั้น ผ่านบริษัทจัดการและธนาคารชั้นนำ 6 แห่งทั่วประเทศ โดยครั้งนี้จะการันตีความเท่าเทียม ด้วยวิธีการจัดสรรแบบ Small Lot First ทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของหน่วยลงทุนอย่างเท่าเทียมกัน และคาดว่าจะนำหน่วยลงทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้
คุณชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยเน้นการลงทุนในกิจการที่มีความสำคัญเชิงเศรษฐกิจและต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เดิมที กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นกองทุนปิดขนาด 1 แสนล้านบาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นกองทุนเปิด โดยคงเหลือผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ได้แก่ กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ ปัจจุบัน (ณ วันที่ 6 กันยายน 2567) กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) 3.54 แสนล้านบาท และพร้อมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนทั่วไป วงเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท
ตลอดช่วงปี พ.ศ. 2557-2566 กองทุนได้รับเงินปันผลเฉลี่ยต่อปี 1.23 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 3.75% ของ NAV เฉลี่ย ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 กองทุนยังมีกำไรสะสมประมาณ 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคง
กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มีนโยบายการลงทุนทั้งแบบเชิงรุกและเชิงรับ โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในหุ้น โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงในระยะยาว ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีธรรมาภิบาลที่ดี เช่น หุ้นใน SET100 ที่ได้รับ ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป หรือหุ้นนอก SET100 ที่มีคะแนน ESG สูง นอกจากนี้ ยังอาจพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีผลตอบแทนที่ดี มีสภาพคล่อง และมีธรรมาภิบาลที่ดี
คุณวราห์ สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง อธิบายว่า เงินที่ได้จากการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. จะถูกนำไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหลัก โดยผลตอบแทนที่กองทุนฯ ได้รับในแต่ละปีจะถูกนำไปจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ในรูปแบบของเงินปันผล โดยมีอัตราไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปี แต่ไม่เกิน 9% ต่อปี ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยคำนวณจากมูลค่าที่ตราไว้ (Par) ของหน่วยลงทุนประเภท ก. ที่ 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองผลตอบแทนของผู้ลงทุนประเภท ก. โดยเฉพาะ ทำให้พวกเขาได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และผลตอบแทนส่วนที่เหลือจะตกเป็นของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.
สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. คือสิทธิในการได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนแบบ Waterfall โดยมีมูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 10 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม กลไกนี้ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน หาก NAV รวมของกองทุน ณ วันครบกำหนดระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น (10 ปี) ต่ำกว่ามูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้น ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจได้รับเงินคืนน้อยกว่าที่ลงทุนไป และ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี หากกองทุนฯ ต้องการระดมทุนต่อ ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะมีสิทธิขยายระยะเวลาการลงทุน หรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ แต่หากกองทุนฯ ไม่ประสงค์จะระดมทุนต่อ บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหรือไถ่ถอนหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนฯ ได้กำหนดกลไกการบริหารความเสี่ยงโดยใช้อัตราส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของทั้งกองทุนฯ ต่อเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. (Asset Coverage Ratio หรือ ACR) จากข้อมูล ณ วันที่ 6 กันยายน 2567 หากมีการเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. เป็นมูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท ACR จะอยู่ที่ประมาณ 3.36 เท่า หาก ACR ลดลงต่ำกว่า 2 เท่า ติดต่อกัน 5 วันทำการ บริษัทจัดการจะดำเนินการเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องหรือกันเงินสำรองเพื่อให้สามารถจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้ต่อเนื่องประมาณ 2 ปี และหาก ACR ลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่า ติดต่อกัน 5 วันทำการ บริษัทจัดการอาจพิจารณาเปลี่ยนสินทรัพย์ลงทุนให้เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องอย่างน้อยเท่ากับเงินลงทุนเริ่มต้นของหน่วยลงทุนประเภท ก. ภายใน 90 วัน เพื่อนำมาเป็นเงินสำรองตามมาตรการชำระคืนเงินลงทุน หรืออาจรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ทั้งหมดหรือบางส่วน
กลไกเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับความคุ้มครองจากกลไกการบริหารความเสี่ยงก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และเพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับความคุ้มครองนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จะได้รับเงินปันผลหรือมีสิทธิขายคืนหน่วยลงทุนตลอดอายุโครงการจาก NAV ข. ส่วนที่เกินจาก NAV เริ่มต้นของหน่วยลงทุนประเภท ข. ที่ 300,000 ล้านบาท
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กองทุนฯ มีความพร้อมที่จะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ในราคาเสนอขายหน่วยละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวมประมาณ 100,000 - 150,000 ล้านบาท สำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุนนี้จะดำเนินการใน 2 กลุ่มผู้ลงทุนหลัก ได้แก่
ทั้งนี้ บริษัทจัดการและผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุนขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนจำนวนหน่วยลงทุนที่เสนอขาย หรือสัดส่วนการจัดสรรให้กับผู้ลงทุนแต่ละกลุ่มได้ตามความเหมาะสม (Claw back / Claw forward) และในปัจจุบัน กองทุนฯ ได้รับอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมโครงการจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ยื่นหนังสือชี้ชวนฉบับปรับปรุงเพื่อเสนอขายหน่วยลงทุนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และเผยแพร่หนังสือชี้ชวนแก่ผู้ลงทุนทั่วไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนได้ในระหว่างวันที่ 16 - 20 กันยายน 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้
โดยจะจัดสรรวิธีการจัดสรร Small Lot First ซึ่งผู้จองซื้อทุกรายจะมีโอกาสในการได้รับจัดสรรหน่วยลงทุนเท่ากัน
ในการจองซื้อ ผู้จองซื้อจะต้องชำระเงินเต็มจำนวนครั้งเดียวตามจำนวนหน่วยลงทุนที่จองซื้อ ในราคาหน่วยละ 10 บาท หากท่านได้รับการจัดสรรหน่วยลงทุนไม่ครบตามจำนวนที่จองซื้อ ท่านจะได้รับเงินส่วนที่เหลือคืนภายใน 7 วันทำการหลังจากสิ้นสุดการจองซื้อสำหรับผู้ลงทุนทุกประเภท ท่านสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและใบจองซื้อได้ที่บริษัทจัดการและผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุนทุกราย
หน่วยลงทุนที่ได้รับการจัดสรรจะเป็นรูปแบบไร้ใบหน่วย (Scripless) โดยท่านสามารถเลือกรับหน่วยลงทุนเข้าบัญชีหลักทรัพย์ของท่านเอง หรือฝากหน่วยลงทุนไว้กับนายทะเบียนในบัญชีผู้ออกหลักทรัพย์ (บัญชี 600) ก็ได้ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า หากท่านเลือกฝากหน่วยลงทุนเข้าบัญชี 600 ท่านจะไม่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ในวันแรกที่หน่วยลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากท่านต้องการซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ท่านจะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ และทำการโอนหน่วยลงทุนจากบัญชี 600 เข้าบัญชีหลักทรัพย์ของท่านเองเสียก่อน (ตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนด)
นอกจากนี้ ท่านสามารถแจ้งขอออกใบหน่วยลงทุนได้หลังจากที่หน่วยลงทุนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และท่านได้ฝากหน่วยลงทุนตามจำนวนที่ได้รับจัดสรรเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของท่านเอง หรือบัญชี 600 แล้ว โดยจะมีค่าธรรมเนียมตามที่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD กำหนด
หลังจากที่หน่วยลงทุนประเภท ก. เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ผู้ลงทุน ผู้สนใจลงทุน และผู้ถือหน่วยลงทุน สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทุกวันทำการ และสามารถโอนหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้อย่างเสรี โดยราคาหน่วยลงทุนประเภท ก. ในตลาดรองจะขึ้นอยู่กับกลไกตลาด ซึ่งอาจแตกต่างจากมูลค่าที่ตราไว้ ราคาเสนอขาย หรือมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุนประเภท ก.
“เราเชื่อมั่นว่า การเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ของกองทุนฯ จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว ในรูปแบบเงินปันผลตามเงื่อนไขที่กำหนดจากหลักทรัพย์ที่เข้าลงทุน” นายธนโชติ กล่าว
สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ด้วยผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ระหว่าง 3-9% ต่อปี และนโยบายการลงทุนที่เน้นความมั่นคงและธรรมาภิบาลที่ดี กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน