รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด กลุ่มคนเหล่านี้จะได้รับสิทธิ์ในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลก่อนใคร เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มกำลังซื้อให้กับพวกเขา
ดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มแจก 20 ก.ย. นี้ กลุ่มเปราะบางรับก่อน 14.5 ล้านคน!
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร ยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยระบุว่าโครงการในระยะแรกจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ จำนวนประมาณ 14.5 ล้านคน ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการจะต้องรอความชัดเจนหลังจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 กันยายน 2567 โดยคาดการณ์ว่าโครงการจะเริ่มต้นได้ในช่วงหลังวันที่ 20 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
นายพิชัย ยังได้เน้นย้ำว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยบางประเด็นมีความเร่งด่วนมากขึ้น ขณะที่บางประเด็นเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ตัวอย่างของการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต อาจรวมถึงการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น การชำระค่าบริการสาธารณะ หรือการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและพัฒนาตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ดังนั้น การดำเนินการเช่นนี้เพื่อให้รัฐบาลมีเวลาในการเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างทั่วถึง
รัฐบาลปรับแผนดิจิทัลวอลเล็ตหลังปิดลงทะเบียน มั่นใจงบประมาณเพียงพอ
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยมีแผนที่จะปรับปรุงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการลงทะเบียน จากคำกล่าวของ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่เคยระบุว่า เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ลงทะเบียนที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหักจำนวนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางซึ่งได้รับสิทธิ์ไปแล้ว การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสามารถประเมินจำนวนผู้มีสิทธิ์ได้อย่างแม่นยำ และบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แม้ว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 32 ล้านคน รัฐบาลยังคงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่ได้อย่างเหมาะสม โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางประการของโครงการเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเพื่อให้โครงการนี้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
รัฐบาลเร่งแก้หนี้สิน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
นอกจากการแจกเงินแล้วรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศด้วยการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้ที่อยู่อาศัยและหนี้รถยนต์ ซึ่งเป็นภาระสำคัญของประชาชนจำนวนมาก สำหรับหนี้ที่อยู่อาศัย รัฐบาลได้เริ่มดำเนินมาตรการนำร่องเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยให้มีการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนของประชาชน ทำให้พวกเขามีเงินเหลือสำหรับการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
ส่วนหนี้รถยนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ รัฐบาลกำลังเร่งหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ ผู้จำหน่าย และสถาบันการเงิน เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้รถยนต์อย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลเชื่อมั่นว่าธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ให้กู้หลักในส่วนของหนี้รถยนต์ จะตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยกว่า 90% การช่วยเหลือลูกหนี้ให้กลับมาฟื้นตัวได้ จะเป็นผลดีต่อทั้งลูกหนี้และธนาคารเอง นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่โครงสร้างทางการเงินของธนาคารมีความแข็งแกร่ง หากลูกหนี้มีปัญหาในการชำระหนี้ ธนาคารก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
ในเวลานี้รัฐบาลไทยกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่มุ่งเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน แม้จะมีความท้าทายในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ แต่รัฐบาลแสดงความมั่นใจในการบริหารจัดการงบประมาณและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้โครงการต่างๆ บรรลุเป้าหมายในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน