เงินเฟ้อสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม ท่ามกลางตลาดแรงงานที่เริ่มผ่อนคลายลง สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า แทนที่จะเป็น 0.5% ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ตลาดแรงงานผ่อนคลาย เฟดอาจลดดอกเบี้ย 0.25%
ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6% หลังจากปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ค.
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐอเมริกา ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.5% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
จากรายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า CPI เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนสิงหาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกรกฎาคม ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนสิงหาคม CPI ปรับตัวสูงขึ้น 2.5% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปีที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และลดลงจาก 2.9% ในเดือนกรกฎาคม
นักเศรษฐศาสตร์ที่จาก Reuters คาดการณ์ว่า CPI จะเพิ่มขึ้น 0.2% และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด แต่อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างมากนี้ทำให้นักกำหนดนโยบายสามารถให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานมากขึ้นในการดำเนินการเพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลจากรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม แต่อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.2% จากระดับสูงสุดเกือบสามปีที่ 4.3% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งลดโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% และเพิ่มโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
ตลาดแรงงานผ่อนคลาย เงินเฟ้อชะลอ เฟดยังลังเลลดดอกเบี้ย 0.5%
สถานการณ์ตลาดแรงงานกำลังคลี่คลายลงท่ามกลางการชะลอตัวของการจ้างงานอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง ในช่วงเช้าวันพุธ ตลาดการเงินประเมินความน่าจะเป็นของการลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 17-18 กันยายน อยู่ที่ประมาณ 29% ตามข้อมูลจาก CME Group's FedWatch Tool ขณะที่โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ประมาณ 71%
ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 5.25%-5.50% เป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากปรับขึ้นรวม 5.25% ในปี 2565 และ 2566 สำหรับอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภครายปีชะลอตัวลงอย่างมากจากจุดสูงสุดที่ 9.1% ในเดือนมิถุนายน 2565 เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นส่งผลให้ความต้องการลดลง
เมื่อไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนสิงหาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกรกฎาคม ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนสิงหาคม CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 3.2% ซึ่งเท่ากับการเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์บางท่านแสดงความกังวลว่า ความเหนียวแน่นของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่อาจเป็นเหตุผลที่ไม่ควรลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% ในการประชุมสัปดาห์หน้า
แม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ความผันผวนของตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้การตัดสินใจของเฟดในการประชุมครั้งหน้ายังคงเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลก การดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนของสหรัฐฯ ในระยะยาว เราจะคอยติดตามการประกาศอย่างเป็นทางการจากเฟด และนำเสนอข้อมูลอัปเดตให้คุณทราบต่อไป โปรดติดตามข่าวสารเศรษฐกิจกับเราอย่างใกล้ชิด!