เป็นไงบ้างครับท่านนักลงทุนสำหรับการลงทุนปีมังกรที่กำลังจะใกล้สิ้นสุดลงอีกไม่นาน ซึ่งเริ่มต้นปีด้วยแห่งความหวังว่าการเลือกตั้งประเทศไทยจะเห็น Election rally ซึ่งจากสถิติย้อนหลังการเลือกตั้งประเทศไทยมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกในหลายครั้ง แต่มาปีนี้ก็กลับไม่เกิดขึ้น (อ้าว ไม่มาตามนัด) ด้วยความหวังว่า การเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้งจะเห็น การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ต่างไปจากเดิมสมัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อะไรทำนองนั้น
ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสกุลดอลลาร์ที่ 5.16% (ต้นปี - 31 ต.ค 2567) เทียบกับค่าเฉลี่ยอัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นเอเซีย MSCI ASIA ex JAPAN ที่ 16% ก็ยังถือว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้น้อยกว่าเพื่อนบ้าน
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ สถิติเช่นกันก็บ่งบอกว่ามักจะเห็นการขายหุ้นออกก่อนการเลือกตั้งล่วงหน้าราว 1 เดือน ทั้งนี้เนื่องจากนักลงทุนต้องการรอดูความชัดเจนว่าพรรคไหนจะชนะการเลือกตั้ง นโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างไร แต่คราวนี้ตลาดหุ้นสหรัฐก็ร้อนแรงมากเกิ้นจากเรื่องราวของการนำ Artificial Intelligent (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ มาใช้กับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นในหลายมิติ และธุรกิจ ดังนั้นหุ้นที่ธุรกิจเกี่ยวข้องนั้นก็เหมือนมีความต้องการในเฟสแรกเข้ามามากผิดปกติ คล้ายลักษณะของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ผู้ใช้เริ่มยอมรับ และเปลี่ยนจากการใช้รถน้ำมัน ทำให้เกิดตัวเลขความต้องการผิดปกติใน 5 ปีที่ผ่านมา
มาตรการตั้งกำแพงภาษีสำหรับประเทศเอเซีย และไทย เมื่อประธานาธิบดีคนใหม่เข้ารับตำแหน่งในต้นปี 2058 นั้นในมุมมองผมเองนั้น คงไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมในดีกรีจากเดิมมากนัก เนื่องจากนโยบายต่างประเทศสหรัฐเองนั้น ก็มุมเน้นการต่อต้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและบรรดาประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่อย่าง BRICs อยู่แล้ว เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้กำลังท้าทายอำนาจในเชิงเศรษฐกิจ และทหารกับประเทศสหรัฐ และยุโรป สิ่งที่เราคงได้เห็นคือ ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมพ์ คงทวิสคุยกับคนบนโลกมากขึ้นในท่าทางที่แข็งกร้าว ตามสไตล์คนอเมริกันที่ผ่านยุครุ่งโรจน์ขีดสุด และพยายามดึงทุกอย่างให้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคเวลาสวยหวานดั่งเช่นในอดีตของคนอเมริกัน
จากสถิติข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนในเดือนธ.ค โอกาสสูงถึง 60% แสดงว่า Christmas Rally สำหรับปีนี้ยังเป็นปรากฎการณ์สำหรับตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นได้ในปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนในเรื่องการออกมาตรการของรัฐเพื่อช่วยให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย การเดินทางท่องเที่ยว สำหรับคนไทยช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกเหนือจากปัจจัยในเชิงนโยบายการเงินที่น่าจะเห็นอัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับตัวลงต่อเนื่องในปีหน้า จะต่างกันที่การปรับดอกเบี้ยจะมีความเร็ว หรือ ช้า เท่านั้นเอง
สำหรับมุมมองด้านการลงทุน ตลาดหุ้นไทยอาจมี Upside ได้จำกัดในกรอบ 12 เดือนจากนี้ เนื่องจากทีมวิจัย
หลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงมุมมองเรื่องปัจจัยความเสี่ยงด้านการค้า และการเมืองระหว่างประเทศยังคงปกคลุมบรรยากาศการลงทุนส่งผลให้การส่งออกของไทยอาจไม่สดใสเท่าที่ควร นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีภาระในเรื่องจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีข้อจำกัดในเรื่องเพดานหนี้สาธารณะ
กลุ่มที่น่าสนใจ ยังเน้นไปที่กลุ่มท่องเที่ยว การเดินทาง การจับจ่ายใช้สอย อาหาร และธนาคาร ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ในเรื่องมาตรการของรัฐที่ต้องการสนับสนุนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตัวเลขในด้านรายได้ และกำไร บริษัทในกลุ่มเหล่านี้ยังปรับตัวเติบโตได้ ทั้งเทียบกับปีก่อน และเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)