อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาประธานาธิบดีโจ ไบเดนกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสว่า เป็นคนพาเราไปยืนอยู่ขอบสงครามโลกครั้งที่ 3 หลังสถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดมากขึ้น จากการที่อิหร่านยิงโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้แทนฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ขณะเดียวกัน อิสราเอลก็ยังคงทำสงครามในกาซา เลบานอน ซีเรีย และเยเมน
ส่วนนักวิเคราะห์เป็นกังวล หากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลางเวลานี้ยกระดับขึ้น และกลายเป็นความขัดแย้งโดยตรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งเป็นเหมือนพี่ใหญ่ในภูมิภาค สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็อาจใกล้เข้ามา
ทรัมป์กล่าวหาไบเดน-แฮร์ริสทำเรายืนอยู่ขอบสงครามโลกครั้งที่ 3
ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ถ้าหากสหรัฐฯอยู่ภายใต้การนำของเขา เราจะไม่มีสงครามในตะวันออกกลาง ยุโรป หรือในเอเชีย ไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ จะมีแต่สันติภาพ และกล่าวหาประธานาธิบดีไบเดนกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคแดโมแครตว่า เป็นคนนำพาเราไปยืนอยู่ขอบสงครามโลกครั้งที่ 3
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกว่า ไม่ประหลาดใจเลยถ้าหากอิหร่านต้องการให้กมลา แฮร์ริสเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะอิหร่านรู้ว่า ตราบใดที่เธออยู่ในอำนาจ พวกเขาก็จะสามารถเอาเปรียบสหรัฐฯได้ และถ้าหากเขาอยู่ในตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว เหตุการณ์ 7 ตุลาคมจะไม่เกิดขึ้น สงครามรัสเซีย-ยูเครนก็จะไม่เกิดขึ้น จะไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ และถ้าหากเขาชนะเลือกตั้ง เราก็จะมีสันติภาพบนโลกใบนี้อีกครั้ง
ต่อมา แฮร์ริสได้ออกแถลงการณ์ว่า อิหร่านเป็นกองกำลังที่อันตรายในตะวันออกกลาง และคำมั่นของเธอที่จะรักษาความมั่นคงของอิสราเอลเอาไว้ยังคงอยู่เหมือนเดิม สหรัฐฯจะทำงานร่วมกับพันธมิตรและพาร์ทเนอร์ เพื่อยับยั้งพฤติกรรมอันก้าวร้าวของอิหร่าน
ทั้งนี้ รัฐบาลไบเดนสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูมาตลอด ซึ่งอิสราเอลได้เดินหน้าเปิดฉากโต้กลับกลุ่มฮามาสด้วยการถล่มกาซา แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับฝั่งปาเลสไตน์ก็ทำให้สหรัฐฯพยายามออกมาผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิง
CIA คาดอิสราเอลกำลังชั่งน้ำหนักจะโจมตีอิหร่านกลับหรือไม่
วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ เปิดเผยวานนี้ (7ตุลาคม 2024) ว่า ความเสี่ยงของสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอยู่ในขั้นอันตรายมากจริงๆ แม้ว่าสหรัฐฯจะประเมินว่า อิหร่านและอิสราเอลไม่ได้มองหาความขัดแย้ง แต่อิสราเอลก็กำลังชั่งน้ำหนักอย่างระแวดระวังว่า จะตอบโต้การที่อิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธอย่างไรดี
สัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ บอกว่า เขาจะไม่สนับสนุนการที่อิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่า สหรัฐฯจะโน้มน้าวอิสราเอลสำเร็จหรือไม่ และในเวลานี้ ตลาดตกอยู่ในความตื่นตระหนก เนื่องจากความเป็นไปได้ที่อิสราเอลอาจจะโจมตีโรงงานน้ำมันในอิหร่าน
ส่วนในอิหร่าน เบิร์นส์บอกว่า ผู้นำสูงสุดยังคงเป็นผู้ทำหน้าที่ตัดสินใจสูงสุด และทางซีไอเอก็ยังไม่พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในการตัดสินใจของผู้นำสูงสุดแห่งอิหร่าน และตัวเขาเองก็ยังคงหวังว่า จะมีข้อตกลงระหว่างอิหร่านและฮามาสที่ประสบความสำเร็จออกมา และจะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเบิร์นส์ระบุว่า เราอยู่ใกล้จุดนั้นอยู่สองถึงสามครั้ง แต่มันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที
สงครามในตะวันออกกลางกระทบน้ำมันโลก
นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า สถานการณ์ความตึงเครียดส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของน้ำมันโลกโดยตรง ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อราคาน้ำมันแล้ว ยังส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น พลาสติก สารเคมีและปุ๋ย นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการลงทุน การจ้างงาน และการขยายธุรกิจด้วย
รายงานตั้งข้อสังเกตว่า หากอิสราเอลโจมตีสถานีหรือโรงงานน้ำมันของอิหร่าน ก็อาจจะทำให้อิหร่านพุ่งเป้าไปที่โรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาระเบียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทั้งสองประเทศล้วนเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ หรืออิหร่านก็อาจจะข่มขู่ที่จะปิดเส้นทางเดินเรือน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซเหมือนที่เคยทำมาก่อน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ใด ราคาน้ำมันโลกก็จะกระทบโดยตรง
สัปดาห์ก่อนหน้านี้ หลังจากประธานาธิบดีไบเดนเปิดเผยว่า รัฐบาลของเขากำลังหารือกับความเป็นไปได้ที่จะสนับสนุนอิสราเอลโจมตีโรงน้ำมันของอิหร่าน ราคาน้ำมันก็พุ่งขึ้นกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ทันที โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับจาก 71 ไปอยู่ที่ 77 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ก่อนที่อิหร่านจะเปิดฉากโจมตีด้วยมิสไซล์ใส่อิสราเอล
ด้านนักวิเคราะห์จาก Oxford Economics มองว่า ถ้าหากเกิดสงครามภูมิภาคที่มีอิสราเอลและอิหร่านเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็อาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งไปที่ 130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลได้