ข่าวเศรษฐกิจ

อุทกภัยถล่มไทย เศรษฐกิจเสียหายหนัก 3 หมื่นล้าน หอการค้าฯ เร่งเยียวยา

10 ต.ค. 67
อุทกภัยถล่มไทย เศรษฐกิจเสียหายหนัก 3 หมื่นล้าน หอการค้าฯ เร่งเยียวยา

มวลน้ำที่หลากท่วมภาคเหนือและอีสาน ไม่เพียงพัดพาบ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหาย แต่ยังซัดกระหน่ำเศรษฐกิจไทยให้บอบช้ำ มูลค่าความเสียหายพุ่งทะลุ 3 หมื่นล้านบาท! ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและเกษตรกรรม กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก

ท่ามกลางความกังวลของหอการค้าไทยฯ ที่เร่งระดมความช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกสถานการณ์ วิเคราะห์ผลกระทบ และสำรวจแนวทางการรับมือกับวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้


วิธีตรวจสอบสิทธิ์รับเงินผู้ประสบภัยน้ำท่วม 57 จังหวัด เช็คสิทธิที่นี่!


อุทกภัยถล่มไทย เศรษฐกิจเสียหายหนัก 3 หมื่นล้าน หอการค้าฯ เร่งเยียวยา

อุทกภัยถล่มไทย เศรษฐกิจเสียหายหนัก 3 หมื่นล้าน หอการค้าฯ เร่งเยียวยา

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แสดงความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังขยายวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ 33 จังหวัดของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากมวลน้ำจำนวนมหาศาล บวกกับปริมาณฝนที่คาดว่าจะตกหนักอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้หลายจังหวัดต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่

ล่าสุดน้ำท่วมเชียงใหม่ทำพิษ! ท่องเที่ยวทรุด 2 พันล้านหายวับ

วิกฤติน้ำท่วมรอบสองเล่นงานเชียงใหม่ซ้ำ ทำเอาภาคธุรกิจท่องเที่ยวสะเทือนหนัก นายพัลลภ แซ่จิว รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า ภาพลักษณ์ "เชียงใหม่" เสียหายหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติพากันยกเลิกทริป แม้แต่คนไทยก็หนีน้ำไปเที่ยวที่อื่น รายได้จากการท่องเที่ยวที่เคยเฉลี่ย 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ตอนนี้เหลือแค่ 200 ล้านบาทต่อวัน ความเสียหาย 10 วัน พุ่งไป 2,000 ล้านบาทแล้ว โดยเฉพาะ อ.แม่แตง และ อ.แม่ริม แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เจอผลกระทบเต็มๆ ยังไม่รวมผลกระทบทางอ้อมอีกเพียบ ทั้งสาธารณูปโภค สาธารณสุข และธุรกิจอื่นๆ ที่คาดว่าจะลากยาวอีก 15 วัน

ภาคเกษตรเสียหายหนักจากอุทกภัย มูลค่าความเสียหายกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท

ความเสียหาย มูลค่า (ล้านบาท)
ภาคการเกษตร 24,553
ภาคบริการ 5,121
ภาคอุตสาหกรรม 171
รวม 30,000

จากการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากอุทกภัย เบื้องต้นประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วอาจจะสูงกว่า 30,000 ล้านบาท คิดเป็น 0.17% ของ GDP พบว่าภาคการเกษตรได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 1,166,992 ไร่ และ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 24,553 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82.3% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด รองลงมาคือภาคบริการ ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นมูลค่า 5,121 ล้านบาท ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 171 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับภาคส่วนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่ดี

จังหวัด
มูลค่าความเสียหาย (ล้านบาท)
เชียงราย 6,412
พะเยา 3,292
สุโขทัย 3,042
เชียงใหม่ 2,000+(เชียงใหม่ตัวเลขสรุปยังไม่นิ่งอาจจะมากกว่าพะเยาและสุโขทัย)

สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือเชียงราย รองลงมาคือพะเยาและสุโขทัย และ เชียงใหม่ (เชียงใหม่ตัวเลขสรุปยังไม่นิ่งอาจจะมากกว่าพะเยาและสุโขทัย) นอกจากนี้ยังมีจังหวัดอื่นๆ อาทิ หนองคาย นครพนม พิจิตร สกลนคร พิษณุโลก และอุดรธานี ที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก

รวมพลังฟื้นฟูประเทศ! หอการค้าฯ จับมือรัฐบาล เยียวยา-กระตุ้นเศรษฐกิจ สู้วิกฤตน้ำท่วม

อุทกภัยถล่มไทย เศรษฐกิจเสียหายหนัก 3 หมื่นล้าน หอการค้าฯ เร่งเยียวยา

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมแรงร่วมใจกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในทุกจังหวัดอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้านเรือน ยานพาหนะ จัดหาสินค้าจำเป็นในราคาประหยัด แจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ รวมถึงมอบเงินช่วยเหลือ โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินงานต่างๆ

ทางด้านรัฐบาล มุ่งมั่นเร่งให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที เช่น โครงการมอบเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จูงใจให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย เช่น สนับสนุนเงินเพิ่มอีก 10,000 บาท เมื่อใช้จ่ายครบ 10,000 บาท และรณรงค์ให้ผู้มีรายได้สูงร่วมบริจาคเงิน โดยสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้

นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว โดยเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบว่าสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจ หากการประชาสัมพันธ์ล่าช้า ภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ยังเผชิญปัญหาน้ำท่วม อาจทำให้นักท่องเที่ยวลังเลที่จะเดินทาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

เส้นทางฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังวิกฤตอุทกภัย

อุทกภัยถล่มไทย เศรษฐกิจเสียหายหนัก 3 หมื่นล้าน หอการค้าฯ เร่งเยียวยา

วิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ นับเป็นบททดสอบสำคัญของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและเกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจต่อภัยธรรมชาติ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้

แม้สถานการณ์จะรุนแรง แต่เราก็ได้เห็นถึงพลังแห่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤต หอการค้าไทยฯ ได้แสดงบทบาทสำคัญในการประสานความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ประสบภัย และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลด จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบูรณาการความช่วยเหลือ การฟื้นฟู และการพัฒนา เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในระยะยาว สำหรับข้อเสนอแนะเพื่อการรับมือกับวิกฤตอุทกภัยในอนาคต

  • การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน: ต้องมีการลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบชลประทาน เขื่อน อ่างเก็บน้ำ และระบบระบายน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากอุทกภัย และภัยแล้ง
  • การส่งเสริมการประกันภัย: ควรส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจ ทำประกันภัย เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และช่วยให้การฟื้นตัวหลังภัยพิบัติเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  • การพัฒนาเมืองและชุมชนให้มีความยืดหยุ่น: การออกแบบเมือง และชุมชน ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เช่น การกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัย การสร้างบ้านยกพื้น และการพัฒนาพื้นที่สีเขียว เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม
  • การสร้างความตระหนักรู้และการเตรียมความพร้อม: ต้องให้ความรู้ และ ฝึกอบรม ประชาชน เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรับมือ และการปฏิบัติตน เมื่อเกิดภัยพิบัติ เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน

วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน การบริหารความเสี่ยง และการร่วมมือกัน เพื่อสร้างสังคม และเศรษฐกิจ ที่เข้มแข็ง พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT