ข่าวเศรษฐกิจ

ความขัดแย้ง จีน-สหรัฐฯ รอบใหม่? เจาะลึก 5 ปมปัญหา สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก

27 ต.ค. 67
ความขัดแย้ง จีน-สหรัฐฯ รอบใหม่? เจาะลึก 5 ปมปัญหา สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก

ท่ามกลางบรรยากาศการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา  การพบกันของสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ  "จีน" และ "สหรัฐฯ" กลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แม้จะเป็นเวทีหารือด้านเศรษฐกิจ แต่ประเด็นร้อนแรงกลับหนีไม่พ้น  "สงครามการค้า" ที่ยังคุกรุ่น และ "มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย" ที่สั่นคลอนเสถียรภาพโลก

ความขัดแย้ง จีน-สหรัฐฯ รอบใหม่? เจาะลึก 5 ปมปัญหา สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก

จีนแสดงความกังวลอย่างชัดเจนต่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯ  ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนทางอ้อม 

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปวิเคราะห์ 5 ปมปัญหาสำคัญที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ พร้อมเจาะลึกผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ทุกคนต้องจับตา!

จีน-สหรัฐฯ ประชุมเศรษฐกิจ จีนวิตก ภาษี-คว่ำบาตร

กระทรวงการคลังแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ระบุว่า จีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ  และมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับสหพันธรัฐรัสเซีย  ในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

ในการประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์  และนับเป็นการประชุมครั้งที่ 6 ของคณะทำงานฯ   

นายเหลียว หมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน  ได้กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก ได้นำมาบังคับใช้เมื่อไม่นานมานี้  โดยมีนายเจย์ แชมบอ รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เป็นผู้แทนฝ่ายสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ นายเหลียว อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ  และธนาคารโลกได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ  ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจร่วมกันดังกล่าว

ถอดรหัส ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ  วิเคราะห์ 5 ปมปัญหาสำคัญ สู่ความขัดแย้งรอบใหม่?

การแสดงความกังวลของจีนต่อนโยบายภาษีและมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ 

สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตึงเครียดและความซับซ้อนในมิติเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ 

โดยเฉพาะในประเด็น ดังนี้

  1. นโยบายการค้า : จีนมีความกังวลว่าสหรัฐฯอาจยังคงดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า  เช่น  การจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้  จีนอาจประเมินว่านโยบาย "America First" ของสหรัฐฯ  อาจนำไปสู่การบังคับใช้มาตรการกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่อันจะส่งผลกระทบต่อจีนในอนาคต
  2. สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน : จีนและรัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีในระดับทวิภาคี  มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ และพันธมิตรดำเนินการต่อรัสเซียอาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อจีน เช่น ข้อจำกัดด้านการค้า การลงทุน หรือการเข้าถึงเทคโนโลยี  ยิ่งไปกว่านั้น  จีนอาจมีความกังวลว่าสหรัฐฯ จะกดดันให้จีนเข้าร่วมมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว  ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย
  3. การแข่งขันด้านเทคโนโลยี : สหรัฐฯ มีนโยบายจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน  เช่น  เซมิคอนดักเตอร์  ซึ่งจีนมองว่า เป็นความพยายามในการสกัดกั้นการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยี  ความขัดแย้งในประเด็นนี้อาจทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก
  4. พลวัตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ : การแสดงความกังวลของจีนอาจเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ถึงสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายนโยบายกีดกันทางการค้า และแสวงหาความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก  อย่างไรก็ตาม  ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายังคงเปราะบาง และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งในประเด็นอื่นๆ เช่น สถานะของไต้หวัน  และประเด็นทะเลจีนใต้
  5. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก : ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง  เช่น  การชะลอตัวของการค้าระหว่างประเทศ  การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน  และความผันผวนของตลาดการเงิน  หากความขัดแย้งระหว่างสองประเทศยืดเยื้อ  เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้น

แนวโน้มสถานการณ์ในอนาคต

  • การเจรจาหารือ : จีนและสหรัฐฯ อาจริเริ่มกระบวนการเจรจาหารือทวิภาคี เพื่อแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และบรรเทาภาวะตึงเครียดทางเศรษฐกิจ
  • มาตรการตอบโต้ : หากสหรัฐฯ ไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย จีนอาจใช้มาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หรือการจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ในจีน
  • การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ : เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับภาวะการแบ่งขั้ว โดยมีจีนและสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของแต่ละขั้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก

บทสรุป ความกังวลของจีน สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน นโยบายและการดำเนินการของทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา ล้วนมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก และพลวัตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  การติดตามสถานการณ์  การประเมินความเสี่ยงและการวิเคราะห์เชิงลึก  จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น

อ้างอิง reuters

advertisement

SPOTLIGHT