แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในปีนี้ แต่บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ยังคงมองว่าราคาทองคำมีโอกาสไปต่อได้ถึง 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 45,600 บาทต่อบาททองคำ หากได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มากกว่า 0.25%, ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น และความผันผวนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ราคาทองคำปีนี้ไปไกลแค่ไหน? YLG ชี้เป้าหมายต่อไปที่ 2,850 ดอลลาร์!
อย่างไรก็ตาม YLG แนะนำให้นักลงทุน "เทรดด้วยความระมัดระวัง" เนื่องจากราคาทองคำในปีนี้ได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว โดยแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปถึงเป้าหมาย สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น YLG มองว่าราคาทองคำมีแนวโน้มแกว่งตัวรอผลการประชุมเฟดและผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นโดยแบ่งขายทำกำไรที่โซน 2,800 - 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหาจังหวะซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาที่โซน 2,724 - 2,708 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ นอกจากนี้ YLG ยังแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ผ่านแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทองคำปี 2567 ทะยานแรง! YLG คาดยังมีลุ้นขึ้นต่อ แม้แตะระดับสูงสุดใหม่แล้ว
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำในปี 2567 นี้ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ จนถึงปัจจุบัน ราคาทองคำได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายของตลาดไปพอสมควร
แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง แต่ YLG ยังเชื่อว่าราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อย แม้จะเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนก่อนสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีปัจจัยสนับสนุนที่รุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เช่น
- การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด: ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งถัดไป แต่หากเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด ก็อาจผลักดันให้ราคาทองคำขึ้นไปแตะระดับ 2,800 - 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ได้
- ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง: หากสถานการณ์ความไม่สงบ หรือเหตุปะทะในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น ก็จะยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ: การเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า อาจทำให้ราคาทองคำผันผวนมากขึ้น
สำหรับราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ YLG คาดการณ์ว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 44,800 - 45,600 บาทต่อบาททองคำ
ทิศทางรารคาทอง หลังเลือกตั้งสหรัฐ
ส่วนประเด็นเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐนั้น มองว่าภาพรวมยังคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากผลการเลือกตั้งยังมีความไม่แน่นนอน ซึ่งหากผลออกมาว่า ฝั่งพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง ภาพรวมทิศทางทองคำน่าจะดำเนินต่อไปเช่นในปัจจุบัน เนื่องจากทางพรรคน่าจะยังคงการเดินนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่หากพรรครีพับลิกันชนะจะยังไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดทองคำได้ เพราะมีโอกาสเป็นได้ทั้งการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนโยบายของพรรคจะเป็นการชูแคมเปญอเมริกาต้องมาก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดการขึ้นภาษีประเทศคู่ค้า และนโยบายที่ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ซึ่งอาจจะทำให้เงินเฟ้อกลับมา ดังนั้นนโยบายลดดอกเบี้ยอาจจะต้องชะงักไว้ ซึ่งจะกดดันทองคำ แต่หากภาพรวมเศรษฐกิจมีความน่ากังวลทองคำก็จะกลับมาพุ่งแรงได้เช่นกัน
แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง แต่ก่อนที่เราจะได้ทราบผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และมติการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดการณ์ว่าราคาทองคำน่าจะยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวรับที่ 2,724 - 2,708 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำเตือนนักลงทุนทุกท่านให้ซื้อขายด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากราคาทองคำในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว หากราคาขึ้นไปแตะแนวต้านที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ อาจพิจารณาแบ่งขายทำกำไรบางส่วน และหากราคาทะลุขึ้นไปถึง 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ควรระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้น