TikTok เป็น ‘ม้ามืด’ ที่ทำให้วงการโซเชียลมีเดียนั่งไม่ติดเก้าอี้จริงๆ
ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่นประสบปัญหายอดผู้ใช้งานลดลง ผู้ใช้ของ TikTok ทำสถิติทะลุ 1 พันล้านคน ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ในขณะที่หลายแพลตฟอร์มเริ่ม ‘หมดมุก’ ในการออกฟีเจอร์ใหม่ๆ ฟีเจอร์คลิปสั้นของ TikTok ทำให้ทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ต้องหันมา ‘ลอกเลียนแบบ’
และล่าสุด แพลตฟอร์ม Search Engine ที่ 1 ตลอดกาลอย่าง ‘Google’ กำลังค่อยๆ เสียบัลลังก์แชมป์ให้ TikTok แล้ว ในกลุ่มผู้ใช้ GenZ (อายุ 18 - 24 ในปัจจุบัน)
TechCrunch สื่อเจ้าใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี เผยข้อมูลบางส่วนจากการวิจัยที่จัดทำขึ้นภายในGoogle โดยการสำรวจผู้ใช้งานในสหรัฐว่า เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลร้านอาหาร ผู้ใช้งานในกลุ่ม GenZ เกือบครึ่งไม่ได้นึกถึง ‘Google’ เป็นช่องทางแรกอีกต่อไป แต่นึกถึง TikTok หรือ Instagram ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่เล่าเรื่องผ่าน ‘ภาพและเสียง’ แทน
นาย Prabhakar Raghavan รองประธานอาวุโสของ Google เปิดเผยในงานเสวนา Fortune’s Brainstorm Tech ว่า
“จากการศึกษาของเรา ประมาณเกือบ 40% ของคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ใช้ Google Map หรือ Google Search เวลาค้นหาร้านอาหารแล้ว พวกเขาใช้ TikTok หรือ Instagram แทน”
ข้อมูลจากผู้บริหารระดับสูงของ Google ท่านนี้ ไม่ได้สร้างความน่าตกใจให้กับทางกูเกิลเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลถึงธุรกิจ แบรนด์ ร้านค้า รวมถึงนักการตลาดด้วย เพราะก่อนหน้านี้ หากเราอยากไปรับประทานอาหารสักที่หนึ่ง เราก็มักจะเริ่มจากการค้นหาชื่อร้าน หรือโซนที่เราจะเดินทางไปบน ‘Google’ แล้วจึงเข้าไปยังเว็บไซต์ Facebook หรือช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ของร้าน เพื่อส่องเมนู ดูสถานที่ แล้วจึงค่อยเดินทางไปยังร้านอาหารนั้นๆ
การค้นหาบนแพลตฟอร์ม ‘ดั้งเดิม’ เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลในรูปแบบตัวอักษร อาจมีภาพหรือวิดีโอแทรกบางในบางช่วงเท่านั้น แต่ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาแสดงให้เราเห็นแล้วว่า ‘ภาพเคลื่อนไหว - เสียงเพลง - ความบันเทิง’ เป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนได้มากกว่า และนี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ TikTok เติบอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี
และหากลองค้นหาร้านอาหารบน TikTok หรือ Instagram จะพบว่า บนหน้าผลการค้นหาเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน รีวิวร้านแต่ละสาขา รวมถึงแอคเคานต์ของร้านนั้นๆ ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า และพร้อมสื่อสารกับลูกค้าเช่นเดียวกัน หมายความว่า และหากอยากได้วิธีการเดินทาง หรือข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม ลูกค้าก็สามารถเข้าถึงแผนที่ หรือหน้าเว็บไซต์หลักของร้านค้าได้เช่นเดียวกับผลการค้นหาบน Google
ทุกวันนี้ คนรุ่นใหม่ (รวมถึงคนไทยในเจนอื่นๆ ด้วย) ใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจ แบรนด์ ร้านค้า และนักการตลาด จึงควรเตรียมพร้อมสำหรับ ‘Customer Journey’ (เส้นทางการเดินทางของลูกค้า ตั้งแต่ก่อนรู้จักแบรนด์ เข้ามาใช้บริการของแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย หรือบอกต่อในโซเชียล) แบบใหม่ๆ แทนที่ ‘จุดสตาร์ท’ จะเป็นการค้นหาแบรนด์บนกูเกิล อาจค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการค้นหาบนแพลตฟอร์มเหล่านี้แทน
ยิ่งถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณ เป็นกลุ่มวัยรุ่นด้วยแล้ว ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการรุกทำการตลาดบนแพลตฟอร์ม TikTok และออกแบบ Customer Journey โดยมี คลิปวิดีโอบน TikTok เป็นจุดเริ่มต้นนำ แล้วพาไปสู่ข้อมูลส่วนอื่นๆ เช่น เว็บไซต์ เส้นทาง หน้าร้านค้าออนไลน์ รวมไปถึงโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าเจน Z ในปี 2022
นาย Raghavan ให้มุมมองเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า คนรุ่นใหม่จะถูกในกับการสื่อสารในรูปแบบที่ ‘อุดมไปด้วยภาพ’ มากกว่า ทั้งสำหรับการค้นหาแบบจำเพาะเจาะจง และการไถฟีด ไม่จำกัดแค่ว่า หาร้านเจอแล้วจบ กูเกิลเองจึงเตรียมแผนยกระดับประสบการณ์ของผู้คนที่ใช้ Google Map ด้วย ‘เทคโนโลยี AR’ ให้มากยิ่งขึ้น Google Map จะไม่ใช่แผ่นกระดาษแบนๆ ที่แค่ย้ายมาอยู่บนสมาร์ทโฟน แต่จะปรับให้ผู้ใช้งาน ‘พาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมเสมือน’ มองเห็นแลนด์มาร์กต่างๆ รอบตัวว่ามีของเด็ดของดีอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่เป็นจุดสีฟ้ากระพริบๆ อีกต่อไป
ในส่วนการค้นหา Google เองก็มีแผนจะนำเทคโนโลยี AR มาใช่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องสิ่งที่ต้องการค้นหา หรือสวมแว่น AR เพื่อค้นหาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ทันที
นอกจากนี้ Google ยังนำ AI มาช่วยในการค้นหาวิดีโอแบบแม่นยำมากขึ้น เช่น หากเราค้นหา ‘วิธีการเปลี่ยนยางล้อรถ’ บน Google แล้วเลือกไปที่วิดีโอ เมื่อคลิกเข้าไปที่วิดีโอนั้น AI ก็จะสามารถข้ามไปยังช่วงของคลิปที่สอนเปลี่ยนยางล้อรถทันที ซึ่ง นาย Raghavan เสริมว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาให้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลของ Google ในด้านการวิดีโอ เก่งทัดเทียมกับด้านตัวอักษร
แต่ในยามที่เทรนด์คลิปวิดีโอสั้นมาแรงแบบห้ามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่แบบนี้ Google เองก็ปรับโฉมหน้าแสดงผลการค้นหาให้สอดรับกับเทรนด์นี้เช่นกัน โดยการนำคลิปวิดีโอสั้นขึ้นมาแสดงในหน้าแรกๆ เมื่อผู้ใช้งานค้นหาคำที่มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารดังใน TikTok เป็นการตอกความร้อนแรงของแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น ที่ทำให้บัลลังก์ Search Engine ต้องสั่นสะเทือน
ในสมรภูมิแพลตฟอร์มวิดีโอ ซึ่ง YouTube บริษัทลูกของ Google ครองตลาดมาตลอดหลายสิบปี ก็ถูก TikTok เทียบบารมีภายในระยะเวลาอันสั้น โดยข้อมูลล่าสุดจาก TechCrunch เผยว่า TikTok สามารถพลิกกลับมานำ YouTube ได้สำเร็จ ในเรื่อง ‘ระยะเวลาการใช้งานบนแพลตฟอร์ม’ ของกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นเจน Z และ Alpha
Tech Crunch นำเสนอข้อมูลจาก ‘Qustodio’ แพลตฟอร์มให้บริการติดตามพฤิตกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนของสำหรับผู้ปกครอง ซึ่งทำการสำรวจจากผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มจำนวน 400,000 ครอบครัว พบว่า ในปี 2021 ที่ผ่านมาเวลาเฉลี่ยที่เด็กอายุ 4 - 18 ปี ใช้บน TikTok คือ 91 นาที/วัน ในขณะที่เวลาเฉลี่ยที่เด็กๆ ใช้บน YouTube คือ 56 นาที
ย้อนกลับไปในปี 2019 ช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 แรกๆ ในปีนั้นเวลาเฉลี่ยที่เด็กๆ ใช้บน YouTube คือ 48 นาที/วัน และบน TikTok เป็น 38 นาที/วัน แต่ในปีต่อมา TikTok พลิกมาแซง ด้วยระยะเวลาการใช้แพลตฟอร์มเฉลี่ยที่ 75 นาที/วัน เทียบกับ YouTube ที่ 64 นาทีต่อวัน และในปี 2021ที่ผ่านมานั้น เวลาเฉลี่ยการใช้งานของเด็กอายุ 4-18 ปีบน TikTok นั้น เพิ่มขึ้น 21% ในขณะที่ YouTube ลดลง 12.5%
แม้จะยังไม่มีข้อมูลเผยแพร่ออกมาว่า เวลาการใช้งานเฉลี่ยของผู้ใช้งานในกลุ่มอายุอื่นๆ ของ TikTok จะแซงหน้า YouTube เหมือนกับกลุ่มเจน Z และ Alpha แต่การออกฟีเจอร์ใหม่ YouTube ‘Shorts’ ให้ครีเอเตอร์ สามารถโพสต์คลิปวิดีขนาดสั้นได้ ซึ่งมีหน้าตา และวิธีใช้ละม้ายคล้ายกับของ TikTok กำลังบอกกลายๆ ว่า Google เองก็ทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาฐานที่มั่นในตำแหน่ง ‘เบอร์ 1 แพลตฟอร์มวิดีโอ’ และหวังชิงผู้ใช้งานคืนจาก TikTok เช่นกัน
ที่มา : TechCrunch, Insider