ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2567 ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google แสดงให้เห็นว่า การพยายามลงทุนมหาศาลเพื่อพัฒนา AI เริ่มให้ผลตอบแทนแล้ว โดยช่วยให้ธุรกิจระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของบริษัทได้รับแรงหนุนที่ดีเกินคาด และยังผลักดันให้มีการใช้งานเครื่องมือค้นหาสำคัญของบริษัทเพิ่มมากขึ้นด้วย
รายได้รวมของ Alphabet ในไตรมาสที่ 3/2567 เพิ่มขึ้น 15.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา เป็น 88,268 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.98 ล้านล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจ ในขณะที่ภาคส่วนอื่นของ Alphabet เป็นดังต่อไปนี้:
Matt Britzman นักวิเคราะห์หุ้นอาวุโสของ Hargreaves Lansdown กล่าวว่า “จากผลประกอบการ Alphabet ไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวังเลย การเติบโตของระบบคลาวด์ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งยังคงสนับสนุนข้อโต้แย้งที่ว่า ผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติ AI"
อิทธิพลเหนือตลาดโฆษณาดิจิทัลของ Google ที่มีมายาวนานกำลังถูกคุกคามจาก Amazon.com และ TikTok ที่ได้รับความนิยมจากผู้โฆษณาที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่พร้อมแล้ว ธุรกิจการค้นหาของบริษัทยังเผชิญกับการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องการแยกบริษัทออกจากกัน แต่ธุรกิจคลาวด์ของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส
นอกจากนี้ Google ได้เปิดตัวโฆษณาใน AI Overviews ซึ่งใช้ Generative AI ในการสรุปเนื้อหาจากแหล่งต่างๆ และแสดงผลลัพธ์ที่กระชับสำหรับคำค้นหา นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้ใช้งานคิดว่า เครื่องมือ AI ใหม่ของบริษัทมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ จากช่วงต้นปีนี้ ที่ฟีเจอร์ดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า แสดงคำตอบที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อธุรกิจการค้นหาหลักของบริษัทเติบโตขึ้น Google ก็มุ่งหวังที่จะเติบโตจากแผนกคลาวด์ ที่มีส่วนช่วยในการสนับสนุนพลังการประมวลผล ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ ให้กับบริษัทอื่น ซึ่ง Google กำลังดึงดูดลูกค้าคลาวด์มากขึ้น โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้าน AI เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เหนือกว่าคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Amazon.com และ Microsoft
Sundar Pichai ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Alphabet กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ในระบบคลาวด์ โซลูชัน AI ของเรา ช่วยขับเคลื่อนการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับลูกค้าที่มีอยู่ ดึงดูดลูกค้าใหม่ และได้รับข้อตกลงที่ใหญ่กว่า"
ความคืบหน้าของ Google ในการแก้ปัญหาข้อกังวลของนักลงทุนกำลังเห็นผล หลังจากที่บริษัทได้ทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้จ่ายไปกับโครงสร้างพื้นฐานและการวิจัย AI โดย Pichai กล่าวว่า Google ลดต้นทุนในการผลิตคำตอบ AI ในเครื่องมือค้นหาได้มากกว่า 90% ใน 18 เดือน ด้วยความก้าวหน้าด้านฮาร์ดแวร์ วิศวกรรม และเทคนิค
ไม่เพียงเท่านี้ Google ยังได้เพิ่มขนาดของ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล Generative AI ที่ขับเคลื่อนคำตอบเป็นสองเท่า รวมถึงกำลังลงทุนอย่างหนักในพลังงานรูปแบบใหม่ๆ เช่น พลังงานนิวเคลียร์ เพื่อรับมือกับความก้าวหน้าของ AI ในอนาคต และบริษัทกำลังพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Google เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งแรกในซิลิคอนวัลเลย์ ที่รายงานผลประกอบการในไตรมาสนี้ และนักลงทุนจะจับตาดูว่า พวกเขาทุ่มเงินเพิ่มเท่าใด? ในดาต้าเซ็นเตอร์ และชิปขั้นสูงที่ขับเคลื่อน AI รวมถึงการเดิมพันเหล่านี้ เริ่มให้ผลตอบแทนหรือไม่?
Microsoft, Alphabet, Amazon และ Meta ต่างเปิดเผยว่าการใช้จ่ายด้านทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหกเดือนแรกของปี 2567 ซึ่งมีมูลค่ารวม 106,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 3.58 ล้านล้านบาท และผู้บริหารให้คำมั่นว่า จะลงทุนเพิ่มขึ้นในปีนี้และในปี 2568 ทำให่ผู้ได้รับประโยชน์หลัก คือ NVIDIA จากความต้องการชิปของบริษัท
Anat Ashkenazi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกล่าวว่า การลงทุนส่วนใหญ่มุ่งไปที่โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงเซิร์ฟเวอร์ ชิป ศูนย์ข้อมูล และอุปกรณ์เครือข่าย โดย Google จะใช้จ่ายในจำนวนที่ใกล้เคียงกันในไตรมาสที่ 4/2567 ซึ่งหมายถึงการใช้จ่ายทั้งหมดมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.69 ล้านล้านบาทในปีนี้ และตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอีกครั้งในปี 2568
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของ Alphabet (Google) อยู่ที่ 2.096 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 70.72 ล้านล้านบาท และราคาหุ้นอยู่ที่ 171.14 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,774.26 บาท เพิ่มขึ้น 1.66% ติดอันดับสี่บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก
ที่มา Bloomberg, ABC, Companies Market Cap, Financial Times, Reuters