'เกาหลีใต้' จะลากตัว Do Kwonกลับมาดำเนินคดีอย่างไรเมื่อไม่มีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับ 'สิงคโปร์'
ข่าวการออกหมายจับเจ้าพ่อเหรียญ LUNA อย่าง "โด ควอน" (Do Kwon) กลายเป็นข่าวใหญ่ของแวดวงคริปโทเคอร์เรนซีในรอบสัปดาห์นี้ เพราะเหรียญ LUNA นั้นแตกมานานตั้งแต่เดือน พ.ค. แล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ท่าทีว่ารัฐบาล "เกาหลีใต้" ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งของบริษัท Terraform Labs ผู้ออกเหรียญลูน่า จะถูกดำเนินคดีเสียที
การออกหมายจับทั้ง 6 คน ในข้อหาละเมิดกฎหมายตลาดเงินตลาดทุนครั้งนี้จึงนับว่ามีความสำคัญและมีความหมายมากกับ "ผู้เสียหายทั่วโลก" จากเหรียญ LUNA และ UST โดยเฉพาะผู้ที่รวมตัวกันฟ้องดำเนินคดี
แต่ปัญหาก็คือ โด ควอน และพวก พำนักอยู่ในประเทศ "สิงคโปร์" ไม่ได้อยู่ในเกาหลีใต้ และที่สำคัญก็คือ เกาหลีใต้กับสิงคโปร์นั้น "ไม่มีกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน"
ถ้าอย่างนั้นเกาหลีใต้จะจับตัว Do Kwon กลับมาดำเนินคดีได้อย่างไร?
สิ่งที่ทางการเกาหลีใต้กำลังจะทำก็คือ ทีมคดีพิเศษของอัยการเกาหลีใต้ จะยื่นขอให้กระทรวงต่างประเทศทำการเพิกถอนหนังสือเดินทาง (Passport) ของโดควอน และพวกอีก 5 คนที่อยู่ในสิงคโปร์ ซึ่งจะทำให้โดควอนและพวกไม่สามารถพำนักอยู่ต่อในสิงคโปร์ (อย่างถูกต้อง) ได้ และต้องเดินทาง/ถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง
นอกจากนี้ แม้ว่าจะไม่มีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้าวแดนกับสิงคโปร์ แต่เกาหลีใต้ก็มีแผนจะขอความร่วมมือไปยังตำรวจสากล (Interpol) หรือองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้ช่วยเหลือในการจับกุมโดควอนและพวกแทน
โดยในบรรดาคนที่ถูกออกหมายจับนอกเหนือจากโดควอนนั้น ก็ยังรวมถึงพนักงานของบริษัทอีก 2 คน ที่ชื่อว่า Mo Han และ Mo Yu ส่วนอีกคนเป็นชาวกรีกชื่อว่า Nicholas Platias ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Terraform Labs
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าที่สุดแล้ว การใช้มาตรการเหล่านี้จะสามารถตามตัวโดควอนและพวกกลับมาดำเนินคดีได้หรือไม่ เพราะหากมีการไหวตัวทันหนีออกนอกสิงคโปร์ไปก่อน ก็มีโอกาสที่จะหลบหนีไปได้
เพราะถึงแม้ว่าจะถูกเพิกถอนพาสปอร์ตเกาหลีใต้หลังจากนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมีอีกหลายประเทศในโลกที่เปิดโอกาสให้คุณหาซื้อพาสปอร์ตสัญชาติอื่นๆ ได้ ขอเพียงแค่คุณเป็นนักลงทุนที่มีเงินถึง ตัวอย่างประเทศที่มีการเปิด Golden Passport พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศหมู่เกาะ เช่น วานูอาตู ในแปซิฟิก (Vanuatu) และเซนต์คิสแอนด์เนวิส (Saint Kitts and Nevis) ในแคริบเบียน
เดอะการ์เดียนเคยรายงานถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า วานูอาตู มีการให้พาสปอร์ตประเภทนี้แล้วกว่า 2,000 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงนักธุรกิจที่มีคดีพัวพันหรือถูกออกหมายจับจากหลายประเทศทั่วโลกด้วย โดยการซื้อสัญชาติวานูอาตูมีราคาเริ่มต้นประมาณ 130,000 ดอลลาร์ (ราว 4.8 ล้านบาท) และการเข้ามาก็ไม่ยุ่งยากเพราะไม่มีวีซ่า ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่มีคดีติดตัวและมาขอซื้สัญชาติที่นี่กัน เช่น คู่พี่น้องชาวแอฟริกาใต้ที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยคริปโทเคอร์เรนซี 3,600 ล้านดอลลาร์ ไปจนถึงนักการเมืองเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ กรล่มสลายของเหรียญ LUNA และเหรียญ UST ทำให้ทั้งตลาดคริปโทเคอร์เรนซีสูญเสียมูลค่าไปกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน นำมาสู่การสืบสวนของเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ และยังกลายเป็น "โดมิโน่" ที่สะเทือนไปทั้งอุตสาหกรรมด้วย โดยมีหลายบริษัทที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบลูกโซ่จนต้องยื่นขอล้มละลาย เช่น Celsius Network, Voyager Digital และ Three Arrows Capital แม้แต่บริษัท Zipmex ซึ่งมีปัญหาสภาพคล่องจนต้องยื่นศาลขอการพิทักทรัพย์ ก็เป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ของ Celsius เช่นกัน