แวดวงคริปโทเคอร์เรนซีชในเมืองไทยและทั่วโลกช่วงนี้เงียบเหงาลงไปมาก หลังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า โลกคริปโท (วิกฤตเหรียญ LUNA, FTX ล้มละลาย, Zipmex เจ๊งลงทุน ฯลฯ) และยังซ้ำเติมความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก (ดอกเบี้ยขาขึ้น, วิกฤตแบงก์ล้มหลายแห่งทั่วโลก) แต่ ‘Bitcoin Halving’ ที่กำลังจะมาถึง คือความหวังของนักลงทุนคริปโท แต่โอกาสอาจมีมากกว่านั้น
‘ซานเจย์’ สัญชัย ปอปลี CEO และผู้ก่อตั้ง Cryptomind นำทัพ กูรูมาจับจังหวะการลงทุนในฟอรั่ม ‘เปิดทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลัง 2023 รับ Bitcoin Halving และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก’ ซึ่ง Spotlight ได้สรุปมาให้ที่นี่แล้ว
ลงทุน Bitcoin และคริปโทปี 2023 : ลงทุนเมื่อไร?
คำตอบก็คือ ‘ตอนนี้’ เพราะเป็นช่วงประจวบเหมาะจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน
- Bitcoin Halving : จากสถิติของ Bitcoin Halving สองรอบที่ผ่านมา ช่วง 12 เดือนก่อนหน้า (ช่วงนี้) เป็นช่วงที่ราคา Bitcoin แกว่งตัว ก่อนที่จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งสู่ All time high ช่วง 10 เดือนหลังจาก Halving นี่จึงเป็นช่วงที่ต้นทุนเหมาะสมกับการเข้าเก็บ
Bitcoin ETF : Blackrock บริษัทจัดการการลงทุนสัญชาติอเมริกันได้ยื่นขอจัดตั้ง Bitcoin ETF และมีการคาดกันว่า มีโอกาสกว่าครึ่งที่จะจัดตั้งสำเร็จ ซึ่งการที่ Blackrock ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงสุดในโลกถึง 9.6 ล้านล้านดอลลาร์ ตัดสินใจเช่นนี้ มีโอกาสสูงมากที่บริษัทอื่นๆ จะกลับมายื่นขอเปิด Bitcoin ETF เช่นกัน ซึ่ง Cryptomind ประเมิณว่า จะทำให้เงินหลั่งไหลเข้ามาสู่ตลาดคริปโทเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว
Business Cycle : หากพิจารณาจากวัฏจักรของธุรกิจตาม ‘Turner’s Business Cycle’ แล้ว ในตอนนี้ เราอยู่ในช่วงพีคของการหดตัวของเศรษฐกิจ สังเกตได้จากการที่เฟด เริ่มขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง ก่อนจะคงดอกเบี้ย และทยอยลดดอกเบี้ยในอนาคต ในช่วงนี้ เหมาะกับการซื้อหุ้นและสินทรัพย์ดจิทัล ที่กำลังจะทำผลงานได้ดีเมื่อผลัดเปลี่ยนเข้าสู่วัฏจักรการขยายตัวของเศรษฐกิจ หากรอเข้าซื้อช่วงที่เฟดคง และลดดอกเบี้ย จะได้ต้นทุนที่แพงกว่า
ลงทุน Bitcoin และคริปโทปี 2023 : ลงทุนตัวไหน?
Cryptomind แนะนำว่า สินทรัพย์ที่เหมาะแก่การลงทุนในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่ Bitcoin Halving คือ ‘Bitcoin (BTC)’ และ ‘Ethereum (ETH)’ เพราะ….?
- ผลพวงจาก Bankrun : ในช่วงก่อนหน้านี้ที่เกิดวิกฤตการณ์ Bankrun ในสหรัฐ เกิดภาพประจักษ์ชัดเลยว่า BTC และ ETH ทำผลงานได้ดีกว่าทุกเหรียญในตลาด โดยตั้งแต่ต้นปี BTC ทำกำไรแล้ว 80.99% ETH ทำกำไร 56.98% ส่วนเหรียญอื่นๆ ในตลาดทำกำไรเพียง 11.08% เท่านั้น จากการที่นักลงทุนหันมาถือ BTC และ ETH ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
- ปัจจัยเฉพาะตัวของ BTC และ ETH : ด้าน BTC นั้นมีผลบวกอย่างแรงกล้าจาก Bitcoin Halving ที่รออยู่และ ETF ที่กล่าวไปข้างต้น ส่วน ETH หลังผ่านการอัพเกรด ‘The Merge’ เปลี่ยนกลไกฉันทามติจาก PoW เป็น PoS นั้น ก็ทำให้เหรียญมี Tokenomics และ Ecosystems ที่ดีขึ้น และได้รับความเชื่อถือจาก BOC ของประเทศจีนในการเป็นระบบเบื้องหลังของการออกพันธบัตร Structure Note โดย Cryptomind มองว่าราคาของ ETH ตอนนี้ยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นด้วย (Underpriced)
ลงทุน Bitcoin และคริปโทปี 2023 : ลงทุนอย่างไร?
Cryptomind ยังคงแนะนำวิธีการลงทุนแบบ DCA สำหรับนักลงทุนทั่วไป แต่สำหรับนักลงทุนที่เชี่ยวชาญ ก็เสนอเครื่องมือที่เข้ามาช่วยจับจังหวะการลงทุนได้แม่นยำขึ้น นั่นก็คือ MVRV และ EMA100
- สายถือยาว : สามารถเริ่มถัวซื้อ BTC ได้ โดยหากเทียบพอร์ตที่ถือหุ้นเพียงอย่างเดียว เทียบกับพอร์ตที่มี BTC ด้วยในสัดส่วน 20% พบว่า ได้กำไรต่างกันถึง 10 เท่า (1.6 vs 16.7% YTD)
- สายจับจังหวะ หรือลงทุนระยะสั้น : ต้องมีวินัยในการอาศัยข้อมูลหาจังหวะเข้าซื้อ และขายทำกำไร โดยใช้เครื่องมือ ‘MVRV’ ซึ่งเป็นการเทียบระหว่างมูลค่าราคาของตลาด หารด้วยมูลค่า Bitcoin ที่เคลื่อนไหวอยู่ในระบบ หากมากกว่า 2 แปลว่า ตลาดกำลังกำไร เสี่ยงถูกเทขายทำกำไร แต่หากต่ำกว่า 1 แปลว่าตลาดกำลังขาดทุน คนมักจะถืออยู่นิ่งๆ (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.5) ส่วน EMA100 คือเส้นที่คำนวณจากราคาปิดของ 100 วันย้อนหลัง โซนที่อยู่เหนือเส้นจะเป็นช่วงเหมาะแก่การเข้าซื้อ
นอกจากการหาจังหวะเข้าซื้อที่เหมาะสมแล้ว การหาจังหวะขายทำกำไรที่เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน เพราะนักลงทุนหลายคน ถือเหรียญยาวข้ามหลาย Cycle ก็อาจทำให้เสียโอกาสทำกำไรไปได้ และที่สำคัญคือการหมั่นอัพเดตข่าวสาร ศึกษาหาความรู้ให้เท่าทันตลาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ทันท่วงที