ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.73 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2567 ออกมาที่ 2.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ในขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 16,000 ราย แสดงว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงดูแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB ก็ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25 เมื่อคืนนี้ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาดส่งผลให้ EUR อ่อนค่าเช่นกัน
นักลงทุนยังรอติดตามดัชนีเงินเฟ้อ PCE วันนี้ และการจ้างงานนอกภาคเกษตรในปลายสัปดาห์หน้า เพื่อรอความชัดเจนต่อการดำเนินนโยบายด้านดอกเบี้ยของสหรัฐ
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 125 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 3,937 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.55 / ขาย 33.90
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.72 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.76 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อคืนนี้ ตามการคาดการณ์ของตลาด และได้กล่าวถึงเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง ขณะที่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย
จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2567 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนธ.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค.
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 702 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 5,881 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.60/ ขาย 34.00
* แนะนำ ซื้อ 35.00/ ขาย 35.50
* แนะนำ ซื้อ 0.2150 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.83 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.90 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก โดยนักลงทุนจับตานโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2568
โดยทั้งนี้คาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยทึ่ระดับ 4.25 -4.50% ในการประชุมวันนี้ และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ สอดคล้องกับรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (Dot Plot) ในการประชุมเดือนธ.ค.2567 ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2568
นักลงทุนจับตาผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจำพวกชิปคอมพิวเตอร์ ยา และเหล็กที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อกดดันให้ผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้ทำการผลิตในสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ในวันเสาร์นี้ และกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากจีน
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,917.65 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 3,870 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.70/ ขาย 34.00
* แนะนำ ซื้อ 35.10 / ขาย 35.60
* แนะนำ ซื้อ 0.2150 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.90 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.75 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังก์สวิสในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางการทรุดตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังการเปิดตัวโมเดล AI จากบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดเทคโนโลยีของสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาการประชุมของเฟดในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
นักลงทุนพากันเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนก.ย. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,792 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,013 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.75 / ขาย 34.05
* แนะนำ ซื้อ 35.15 / ขาย 35.65
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2210
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.65 บาท/ดอลลาร์ใกล้เคียงจากราคาปิดตลาดเมื่อวันทำการก่อนหน้าที่ระดับ 33.68 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายในปลายสัปดาห์ จากการที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แสดงท่าทีที่อ่อนลงเกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งได้เพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามดอลลาร์อาจจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีก หากนโยบายภาษีและอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไป
ตลาดคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ในการประชุมสัปดาห์นี้ แต่เรื่องใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นคือวิธีการที่เฟดจะรับมือกับเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ที่น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานสำคัญในปลายสัปดาห์หน้า เมื่อวันศุกร์ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,192 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1270 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.50/ ขาย 33.80
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.99 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.98 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์ปรับตัวแคบเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 28-29 ม.ค. ขณะที่ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) จัดประชุมในวันที่ 29 ม.ค. ตามมาด้วยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 30 ม.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 30-31 ม.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ขณะที่ BOC และ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ส่วน BOJ จะสวนทางด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,712 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4,388 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.90/ ขาย 34.20
* แนะนำ ซื้อ 35.20 / ขาย 35.70
* แนะนำ ซื้อ 0.2150/ ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.90 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.82 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย หลังจากแข็งค่าที่สุดในภูมิภาคติดกันสองวันจากการปรับฐานลงของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และการปรับสูงขึ้นของราคาทองคำ เนื่องจากตลาดคลายความกังวลต่อประเด็นด้านเงินเฟ้อของสหรัฐ และเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในปีนี้ ตามที่เฟดเคยส่งสัญญาณไว้ จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ประกาศการกำหนดภาษีนำเข้าแบบครอบจักรวาลในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในทันที.
อย่างไรก็ตามค่าเงินดอลลาร์ได้เริ่มดีดตัวขึ้นหลังจาก ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือนกพ.เป็นต้นไป และเร่งดําเนินการปรับอัตราภาษีนําเข้าสินค้าจากจีนขึ้นอีก 10% ทำให้ตลาดยังคงต้องจับตาดูท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าจะประกาศนโยบายอะไรออกมาเพิ่มเติม ส่วนผล
กระทบต่อเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาทจะมากหรือน้อยจะต้องดูในระยะยาวมากกว่านี้ ทั้งนี้ต้องจับตาธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันศุกร์นี้ (24 ม.ค.) โดยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25%
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 33.70
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 35.20
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2150
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ 33.93 บาท/ดอลล่าร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ 34.12 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงหลุดระดับ 4.6% ขณะที่นักลงทุนจับตานโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังไม่รีบเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากประเทศต่างๆ ทันที แต่จะ เริ่มประเมินความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศต่างๆ ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระดับ4.25-4.50%ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 28-29 มี.ค. นี้ และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ
สถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 170 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตร 4,154 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.90/ขาย 34.20
* แนะนำ ซื้อ 35.20/ ขาย 35.60
* แนะนำ ซื้อ 0.2170/ ขาย 0.2210
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.09 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.27 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ
และได้สั่งการให้หน่วยงานของรัฐบาลกลาง “ตรวจสอบและแก้ไข” การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีอยู่ รวมถึงจัดการกับการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการจัดการสกุลเงินของประเทศอื่นๆ ตามร่างบันทึกข้อตกลงการค้าของทำเนียบขาว ซึ่งไม่ได้สั่งให้เรียกเก็บภาษีศุลกากรใหม่ทันที
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 445.88 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 136 ล้านบาท
วันนี้คาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์จากตลาดคลายกังวลเรื่องมาตรการภาษีของสหรัฐและจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำโลกที่ระดับ 2,710 ดอลลาร์ต่อออนซ์
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.90/ ขาย 34.20
* แนะนำ ซื้อ 35.30 / ขาย 35.80
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.45 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 34.47 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังจากมีรายงานข่าวที่ระบุว่า ทีมเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะพิจารณาทยอยปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าแทนการปรับขึ้นในคราวเดียว นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด (อาทิ PPI, Core CPI, ยอดค้าปลีก และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์) และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดกลับมาประเมินว่า มีโอกาสที่จะเห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนช่วงกลางปีนี้
ส่วนค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ หลังการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้, สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ, ค่าเงินหยวน และราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ดัชนี PMI ภาคผลิต และภาคบริการ เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) (23-24 ม.ค.)
เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 258 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,268 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 34.30 / ขาย 34.60
* แนะนำ ซื้อ 35.05 / ขาย 35.55
* แนะนำ ซื้อ 0.2180 / ขาย 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.59 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.60 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐช่วงปลายสัปดาห์เพิ่มน้ำหนักให้ตลาดกลับมามองโอกาสที่เฟดทยอยจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง กดดันดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐ ให้ปรับลงลงและราคาทองคำปรับสูงขึ้น
ตัวเลขกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน พ.ย.
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย
คาดการณ์ว่าเงินบาทยังคงมีแนวรับสำคัญในโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์ทยอยรีบาวด์ขึ้นบ้างและมีแรงซื้อจากผู้นำเข้าและ Traderในตลาดบางส่วนที่คงมุมมองว่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล Trump 2.0
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 34.50-34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 690 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,240 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 34.50
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 35.50
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2210
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.58 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.72 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จากการที่นักลงทุนพากันคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้นเป็นเดือนมิ.ย. หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,340 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 960 ล้านบาท
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.78 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานศุกร์ที่ระดับ 34.60 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนธ.ค.ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะยุติวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายในเดือน ม.ค.นี้
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 154,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 212,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
ในขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.2%
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างวันที่ 6-10 ม.ค.2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,383 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 3,354 ล้านบาท
ในสัปดาห์นี้มีปัจจัยที่ควรติดตามได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยเช่นกัน
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์กรอบค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะมีการเคลื่อนไหวที่ 33.60-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.60 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.61 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่านโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
มีรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่า ทรัมป์มีแผนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจแห่งชาติ เพื่อให้เขามีอำนาจในการใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีนำเข้าตามที่ได้สัญญาไว้ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนวันศุกร์ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,446 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,216 ล้านบาท
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.67 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.63 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าตามทิศทางสกุลเงินหลักในภูมิภาค เป็นผลจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ปรับสูงขึ้น หลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศในช่วงนี้ยังคงออกมาค่อนข้างดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์
ขณะที่นักลงทุนพากันเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี 2568 โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.
ส่วนปัจจัยในประเทศเองก็ยังคงกดดันทำให้เงินบาทอ่อนค่าต่อได้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่โตชะลอลง ตามการบริโภคและส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอ คาดว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าไปทดสอบระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์ได้ ทั้งนี้ตลาดยังคงต้องรอดูตลาดรอดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ อาทิจำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 34.50-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,007 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,115 ล้านบาท
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.58 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.48 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.1 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 52.1 ในเดือนพ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.3
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 259,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.098 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย.
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 719 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,401 ล้านบาท