ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.04 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.94 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยืนยันในวันนี้ว่า สหรัฐจะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตามกำหนดเดิมที่เคยระบุไว้ และสหรัฐจะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 527 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,551 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.90/ ขาย 34.20
* แนะนำ ซื้อ 35.20 / ขาย 35.70
* แนะนำ ซื้อ 0.2250/ ขาย 0.2300
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.77 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.74 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ.
เงินบาทอ่อนค่าลงเพียงช่วงสั้น ๆ หลังการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.25% ก่อนที่จะกลับมาซื้อขายที่ระดับเดิม กนง.ตั้งข้อสังเกตว่าเงินบาทมีความผันผวนมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเชิงนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก
ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,063 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 364 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.60/ ขาย 34.00
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.72 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.74 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยยืนยันว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก หลังสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันเป็นเวลา 30 วันแม้แคนาดาและเม็กซิโกเพิ่มการคุมเข้มตามแนวชายแดน และสกัดการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐก่อนในวันที่ 4 มี.ค.
Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจได้เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 98.3 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 จากระดับ 105.3 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 102.3
สัปดาห์นี้ จับตาการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.รวมถึงการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ให้ความสำคัญ
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3,398 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 3,715 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.50/ ขาย 33.90
* แนะนำ ซื้อ 35.50/ ขาย 35.70
* แนะนำ ซื้อ 0.2250/ ขาย 0.2290
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.54 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.53 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซาก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
เมื่อวานนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.37 - 33.57 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน ที่ระดับ 33.37 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าจากราคาทองคำในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาทองคำโลกขึ้นไปแตะที่ระดับ 2,953 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เพิ่มการถือครองทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ปัจจัยที่ควรติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กน ง.) วันที่ 26 ก.พ.นี้ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% ในการประชุมนัดแรกของปีนี้ และอาจปรับลดเพียงครั้งเดียวในปี 2568 เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต (Policy Space) และรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ส่วนตัวเลขที่สำคัญของสหรัฐที่จะประกาศในวันที่ 28 ก.พ. คือดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค.
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,381.17 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 1,461 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.40/ ขาย 33.70
* แนะนำ ซื้อ 35.00 / ขาย 35.40
* แนะนำ ซื้อ 0.2210 / ขาย 0.2260
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.55 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 33.63 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงหลังจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคและยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด อีกทั้งมีรายงานกิจกรรมทางธุรกิจในสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน นอกจากนี้ข้อมูลจาก LSEG ยังบ่งชี้ว่าเฟด อาจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.44% ในปีนี้
อย่างไรก็ตามแม้เฟดยังไม่มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในอีกหลายเดือนข้างหน้า แต่ตลาดยังคงคาดการณ์ว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.
สัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีค่าใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพื่อติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด รวมถึงข่าวเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,299 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 689 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.40 / ขาย 33.70
* แนะนำ ซื้อ 34.80 / ขาย 35.30
* แนะนำ ซื้อ 0.2225 / ขาย 0.2265
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.58 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.67 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ โดยอ่อนค่าเล็กน้อยเทียบสกุลเงินหลัก และสวนทางกับการแข็งค่าของเยน ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ค. โดยอาจเป็นกาาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ หลังเฟดเปิดเผยว่ายังมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความเป็นไปได้ที่มาตรการต่าง ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการกำแพงภาษี จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 270 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 2,800 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.50/ ขาย 33.90
* แนะนำ ซื้อ 35.00/ ขาย 35.50
* แนะนำ ซื้อ 0.2225/ ขาย 0.2275
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.76 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.69 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์และยา ในอัตรา 25% โดยอาจมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ประจำวันที่ 28-29 ม.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 512 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,056 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.60/ ขาย 33.85
* แนะนำ ซื้อ 34.90 / ขาย 35.40
* แนะนำ ซื้อ 0.2200/ ขาย 0.2250
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.67 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.70 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยราคาทองคำมีการรีบาวน์ปรับตัวขึ้นทะลุ 2,900 ดอลลาร์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสกุลหลัก โดยทองโลกยังคงปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดกัน จากแรงหนุนจากความกังวลต่อนโยบายการทำสงครามการค้าของสหรัฐ อีกทั้งดีลเจรจาระหว่างรัสเซีย ยูเครน และสหรัฐยังไม่แน่ชัดหลังรัสเซียเผยยังไม่มีการตกลงกับสหรัฐเกี่ยวกับการเริ่มต้นกระบวนการเจรจายูเครน รวมถึงยูเครนยังไม่เข้าร่วมเจรจาในการยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานาน.
สำหรับปัจจัยในประเทศ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในไตรมาส 4/2567 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ยังคงบ่งชี้ว่า นโยบายการเงินของไทยยังค่อนข้างตึงตัวพอสมควร ซึ่งปัจจัยดังกล่าว น่าจะสนับสนุนให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้าได้ ทั้งนี้ อาจต้องรอดูพัฒนาการเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไป
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.60-33.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ
*เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 828 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 33.60
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 35.10
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.70 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.71 บาท/ดอลลาร์
โดยเงินบาทแข็งค่าไม่มากเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค ปัจจัยเนื่องจากทิศทางของเงินทุนต่างประเทศจากการค้าทองคำ และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 67 ที่สภาพัฒน์ ประกาศออกมาต่ำกว่าคาด
โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่เมื่อวานตลาดเงินของสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องจากเป็นวันประธานาธิบดี ส่งผลให้มีปริมาณธุรกรรมเบาบาง
สภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาส4/67 ขยายตัว 3.2% จากตลาดคาดโต 3.7-4.0% โดยที่เศรษฐกิจไทยยังหดตัว นอกจากนี้ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโลก ยังคงจับตานโยบายการค้าของสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.พ. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 4,634 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 1,469 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.60/ ขาย 33.90
* แนะนำ ซื้อ 35.10 / ขาย 35.60
* แนะนำ ซื้อ 0.2200 / ขาย 0.2250
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.76 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานศุกร์ที่ระดับ 33.65 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจในช่วงต้นไตรมาสแรก
โดยตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐลดลง 0.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน ธ.ค.
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 824.32 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 648 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของไทย สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและสถานการเงินทุนต่างชาติ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือน ก.พ. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย และธนาคารกลางอินโดนีเซีย
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.60/ ขาย 33.90
* แนะนำ ซื้อ 35.10 / ขาย 35.60
* แนะนำ ซื้อ 0.2200 / ขาย 0.2250
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.80 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เลื่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีการเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนม.ค ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และหนึ่งในเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จับตาอย่างใกล้ชิด ปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือนม.ค. แต่เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 3.7% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันอ่อนหลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในบันทึกของประธานาธิบดี (presidential memorandum) ในวันพฤหัสบดี เพื่อประกาศแผนการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที
อย่างไรก็ตามนักลงทุนพากันเลื่อนคาดการณ์ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ออกไปเป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ค. และจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวของเฟดในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI และดัชนี PPI ที่สูงกว่าคาด รวมทั้งการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวย้ำว่า เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,248 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 945 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.55 / ขาย 33.85
* แนะนำ ซื้อ 34.95 / ขาย 34.45
* แนะนำ ซื้อ 0.2180 / ขาย 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.02 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันทำการก่อนหน้าที่ระดับ 34.06 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน ท่ามกลางความกังวลต่อสงครามการค้าซึ่งทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียถูกกดดันจากแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอาทิเช่นทองคำและดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงเงินเยนญี่ปุ่น ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแสดงความเห็นต่อเฟดอีกครั้งว่าเห็นควรให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย และดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการภาษีศุลกากรที่กำลังจะมาถึง
ในส่วนของเงินเฟ้อสหรัฐ ที่ประกาศมาเมื่อคืนนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ม.ค. +3.0%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +2.9%YoY จาก ธ.ค. ที่ +2.9%YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ ธ.ค. +3.3%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +3.1%YoY จาก ธ.ค. ที่ +3.2%YoY ซึ่งตัวเลขจากรายงานทำให้นักวิเคาะห์กลับมาคาดการณ์ว่าการหยุดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวจะยืดเยื้อนานกว่าที่ตลาดคิดไว้.
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.90-34.20 บาท/ดอลลาร์ฯ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,771 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,008 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 33.90
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 35.10
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2190
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.91บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.92 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่า จะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศในวันนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้สหภาพยุโรป (EU) เตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมทั้งการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,016 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,994 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.75/ ขาย 34.00
* แนะนำ ซื้อ 34.70 / ขาย 35.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2200/ ขาย 0.2250
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.90 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 33.68 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ ซึ่งชะลอตัวลงในเดือน ม.ค. แต่อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 4.0% ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีเหตุผลในการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยจนถึงเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอาจได้รับแรงหนุนจากการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ต่อหลายประเทศในสัปดาห์นี้
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงการของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงสถานการณ์เงินทุนต่างชาติ
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,032 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 2,160 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.75/ ขาย 34.10
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.78 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.80 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ม.ค.ของสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50% สอดคล้องกับการคาดการณ์ นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของ BoE ในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอังกฤษ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาดโดยเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 213,000 ราย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
จับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 169,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค.
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 585 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 5,676 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.50/ ขาย 33.90
* แนะนำ ซื้อ 34.90/ ขาย 35.40
* แนะนำ ซื้อ 0.2210/ ขาย 0.2250
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.57 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวช่วงแคบ ๆ จากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.56 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะยังไม่เร่งรีบเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ตามการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองสปอตที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทะลุระดับ 2,880 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อวานนี้ ส่วนราคาทองฟิวเจอร์พุ่งทะลุ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 553.52 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 6,819 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1%
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.40/ ขาย 33.80
* แนะนำ ซื้อ 34.70 / ขาย 35.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2170 / ขาย 0.2220
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.85 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.
มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่ 10% ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับจีนนั้นเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคาร ซึ่งจีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย อันได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนม.ค.
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,653 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 684 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.50 / ขาย 33.80
* แนะนำ ซื้อ 34.70 / ขาย 35.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2160 / ขาย 0.2200
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.88 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 34.02 บาท/ดอลลาร์
เมื่อวานนี้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็วท่ามกลางความกังวลต่อสงครามการค้าซึ่งทำให้ค่าเงินในภูมิภาคถูกกดดันจากแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก หลังจากที่ทรัมป์เดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% ต่อจีน ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของสงครามการค้าระลอกใหม่ และคาดว่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาษีเหล่านี้จะผลักภาระให้กับผู้นำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็ยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกด้วย โดยล่าสุดเพื่อตอบโต้การเก็บภาษีของสหรัฐฯ รัฐบาลแคนาดาได้ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีตอบโต้เป็นมูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดาต่อสินค้าสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดก็กำลังจับตาดูมาตรการตอบโต้จากจีนและเม็กซิโก ซึ่งจะทำให้ตลาดโลกปั่นป่วนมากขึ้น.
อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำทำให้ค่าเงินบาทชะลอการอ่อนค่าลงบ้างและกลับมาซื้อขายในโซนต่ำกว่า 34 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้ยังคงต้องจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ก็อาจพอช่วยหนุนเงินบาทได้ท่ามกลาง Fund Flow ที่ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง.
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าเงินบาทจะมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.70-34.00 บาท/ดอลลาร์ฯ
เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,622 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 363 ล้านบาท
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 33.70
* แนะนำ ทยอยซื้อที่ระดับ 34.90
* แนะนำ ทยอยซื้อ 0.2170
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 34.01 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวันทำการก่อนหน้าที่ระดับ 33.68 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) กำหนดอัตราภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคาร (4 ก.พ.) ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดสงครามการค้ารอบใหม่ที่อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 9,201 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3,164 ล้านบาท
*แนะนำ ซื้อ 33.90/ ขาย 34.20
* แนะนำ ซื้อ 34.70 / ขาย 35.20
* แนะนำ ซื้อ 0.2170/ ขาย 0.2220