เปิดธุรกิจ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่ร่ำรวยที่สุดในไทย

หากพูดถึงศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดังของไทย  ชื่อแรกที่ใครๆหลายคนรู้จักคงต้องมีชื่อ คุณ ยืนยง โอภากุล หรือ ในนาม "แอ๊ด คาราบาว"  และล่าสุด เมื่อน้าแอ๊ด ประกาศยุบวง คาราบาว ปิดตำนานเพลงเพื่อชีวิตเมืองไทย โดยจะมีคอนเสิร์ตสุดท้ายของวง ในวันที่ 1 เมษายน 2567 นี้ ดังนั้น วันนี้ Spotlight จะพาไปส่องธุรกิจ ของ น้าแอ๊ด คาราบาว ที่ นอกจากจะประสบความสำเร็จในวงการเพลงแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 5,000 ล้านบาท

 

เปิดธุรกิจ แอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่ร่ำรวยที่สุดในไทย กับขุมทรัพย์กว่า 5,000 ล้านบาท

 

ประวัติของคุณ ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2497 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยใจรักเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ จากการซึมซับดนตรีจากพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าวงดนตรีประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้น เขาก็ได้หันมาเล่นดนตรีแนวตะวันตกและเริ่มแต่งเพลงของตัวเอง

 

จุดเริ่มต้น วง คาราบาว

 ก่อนจะเป็นวง  คาราบาว น้าแอ๊ด คาราบาวแจ้งเกิดจากการเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวงแฮมเมอร์ในปี พ.ศ. 2522 ในอัลบั้มชุดบินหลา  ต่อมา น้าแอ๊ด ได้แต่งเพลง "ถึกควายทุย" ให้แฮมเมอร์บันทึกเสียงในอัลบั้ม ปักษ์ใต้บ้านเรา ซึ่งทำให้แฮมเมอร์โด่งดังเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็ได้ร่วมกับเขียว คาราบาว ก่อตั้งวงคาราบาวขึ้น ในปี พ.ศ. 2524 พวกเขาออกอัลบั้มชุดแรกในชื่อ "ขี้เมา"  กระทั่งมาโด่งดังสุดขีดเมื่อปี 2527 จากผลงานชุด เมด อิน ไทยแลนด์ มียอดจำหน่ายถึง 5 ล้านตลับ วงคาราบาวมีผลงานเพลงดังมากมาย เช่น "เมด อิน ไทยแลนด์", "หำเทียม", "วณิพก", "บัวลอย" เป็นต้น ผลงานเพลงของพวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและปัญหาสังคมของไทย ทำให้พวกเขากลายเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ปัจจุบันมีผลงานเพลงรวมมากกว่า 90 อัลบั้ม

ก้าวสู่ ธุรกิจ เครื่องดื่มชูกําลัง คาราบาวแดง

สำหรับจุดเริ่มต้น แอ๊ด คาราบาว ได้กล่าวว่า เนื่องจากตัวเองเป็น นักดนตรีมาหลายปีแล้วและรู้สึกว่าเหนื่อยมากจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่ความเหนื่อยยังไม่เท่ากับที่ ตัวเองโดนก็อปปี้เพลงแต่งเพลงมาก็ขายได้ไม่มาก จนทำให้เจ้าตัว ท้อแท้จนจะเลิกแต่เพลงไปในเวลานั้น  จนเจ้าตัวเริ่มคิดที่จะหาทำ ธุรกิจที่ มั่งคงและไปคนละทางกับเเนวทางดนตรี ที่แบบว่า ก็อปปี้ ไม่ได้ จากนั้นเลยเดินทางไป ปรึกษา สหายรุ่นพี่อย่างคุณ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ หุ้นส่วนเจ้าของ ธุรกิจโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ซึ่งในเวลานั้น คุณ แอ๊ด เสนอสินค้าไปหลายอย่าง รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่คุณเสถียรมองว่า ธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่น่าจะไปได้ดีนัก อย่างไรก็ตาม คุณเสถียร มองว่า ทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังจะดีกว่า สาเหตุก็เพราะ  วงคาราบาว มีฐานแฟนเพลงมากมาย และเชื่อว่ากลุ่มแฟนเพลง ก็น่าจะ ชอบดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และจะกลายมาเป็นกลุ่มลูกค้าของเครื่องดื่มชูกำลังได้ในที่สุด “คนที่รักเพลงคาราบาว ส่วนใหญ่น่าจะดื่มเครื่องดื่มชูกำลังด้วย” สุดท้ายทั้งคู่จึงตัดสินใจร่วมกันลงทุนทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในเวลาต่อมา

 

กำเนิดเป็น คาราบาวกรุ๊ป

บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2544 เพื่อประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดง โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 1 ล้านบาท บริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องดื่มบำรุงกำลังภายใต้เครื่องหมายการค้า "คาราบาวแดง" เข้าสู่ตลาดในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2545 ซึ่งเป็นการนำชื่อของวงคาราบาว มาผสมผสานกับชื่อของ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ภายใต้สโลแกน “คาราบาวแดง เชิดชูนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่”

เมื่อธุรกิจผลิต ทำการตลาดและจำหน่ายเครื่องดื่มบำรุงกำลังได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้ถือหุ้นได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมให้ครบวงจร ตั้งแต่ขบวนการหาวัตถุดิบหลัก การผลิต การตลาด และการจัดจำหน่ายให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ตั้งบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขึ้น เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 และนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 จนดำเนินธุรกิจมาถึงปัจจุบัน

 

แอ๊ด คาราบาว ปัจจุบัน ทำธุรกิจอะไรบ้าง

 

บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด เริ่มจดทะเบียน วันที่ 22 ส.ค. 2544 โดย คุณ แอ๊ด คาราบาว เป็นหนึ่งกรรมการบริษัทฯ ประเภทธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม น้ำดื่มทุกประเภท มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

• ปี 2563 รายได้ 13,570 ล้านบาท กำไรสุทธิ  2,843 ล้านบาท
• ปี 2564 รายได้ 12,234 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,323 ล้านบาท
• ปี 2565 รายได้ 12,234 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,323 ล้านบาท

บริษัท มองโกล จำกัด เริ่มจดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2544 โดยมี คุณ แอ๊ด คาราบาว เป็นหนึ่งกรรมการบริษัทฯ ประเภทธุรกิจผลิตและขายเทปบันทึกเสียง แผ่นซีดี และประพันธ์บทเพลง มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

• ปี 2563 รายได้ 17,364 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ  215,323     บาท
• ปี 2564 รายได้ 23,483 ล้านบาท กำไรสุทธิ        87,188     บาท
• ปี 2565 รายได้ 19,234 ล้านบาท กำไรสุทธิ      463,277     บาท

บริษัท เอเชียแปซิฟิกกลาส จำกัด เริ่มจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2548โดย คุณ แอ๊ด คาราบาว เป็นหนึ่งกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายขวดและผลิตภัณฑ์จากขวดแก้วทุกชนิด ทุนจดทะเบียน 1,300 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

• ปี 2563 รายได้ 1,773 ล้านบาท กำไรสุทธิ  546 ล้านบาท
• ปี 2564 รายได้  2,191 ล้านบาท กำไรสุทธิ 652 ล้านบาท
• ปี 2565 รายได้  2,188 ล้านบาท กำไรสุทธิ 496 ล้านบาท

บริษัท ตะวันแดง ดีซีเอ็ม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2555 โดยมีนายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) เป็นหนึ่งกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจขายเครื่องดื่ม ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

• ปี 2563 รายได้ 8,929 ล้านบาท กำไรสุทธิ  53  ล้านบาท
• ปี 2564 รายได้ 9,850 ล้านบาท กำไรสุทธิ 47 ล้านบาท
• ปี 2565 รายได้ 11,628 ล้านบาท กำไรสุทธิ 195 ล้านบาท

บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด เริ่มจดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2556 ก่อนเปลี่ยนเป็น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2557 คุณ แอ๊ด คาราบาว ได้เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอันดับที่ 3 มีจำนวนหุ้น 70,480,000 หุ้น หรือ 7.05% คิดเป็น 5,814,600,000 บาท ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

• ปี 2563 รายได้   17,386  ล้านบาท กำไร 3,525  ล้านบาท
• ปี 2564 รายได้   17,570  ล้านบาท กำไร 2,881 ล้านบาท
• ปี 2565 รายได้   19,454  ล้านบาท กำไร 2,286 ล้านบาท
• ปี 2566 รายได้   8,934   ล้านบาท (6 เดือนแรก) กำไร 745     ล้านบาท (6 เดือนแรก)

นอกจากนี้ยังมี บริษัทอีก 3 แห่งของ คุณ แอ๊ด คาราบาว ที่มีสถานะเสร็จการชำระบัญชี หรือ เลิกกิจการ ได้แก่

• บริษัทบัฟฟาโล่เฮด จำกัด เป็นกิจการห้องบันทึกเสียง และรับจ้างอัดบันทึกเสียง, 
• บริษัท วินด์ซอง จำกัด ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ 
• บริษัท ออบาแร็ค จำกัด ธุรกิจบันทึกเสียงลงบนสื่อ

 

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา  คาราบาว ประกาศยุบวง

จากบทสัมภาษณ์ น้าแอ๊ด คาราบาว ได้ให้เหตุผลว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยอมรับความจริงว่าเราแก่ตัวลง และมีปัญหาสุขภาพของสมาชิกในวง ซึ่งขณะนี้ก็เข้าโรงพยาบาลอยู่ 4 คน ถึงแม้เราจะยังเก๋าอยู่ แต่เราก็ไม่สามารถเล่นดนตรีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้น เราจึงขอปลดปล่อยสมาชิกทุกคนในวงให้ไปใช้ชีวิตตามเส้นทางของตัวเอง ใครที่อยากจะเล่นดนตรีกับใคร หรืออยากจะทำอะไรก็ตาม ก็ทำได้ตามสบาย ส่วนผมจะยังคงทำงานเขียนเพลงและทำดนตรีต่อไป ร่วมกับนักดนตรีรุ่นใหม่ๆ เพื่อให้พวกเขาได้มีงานทำ และผมก็ยังจะทำหน้าที่เป็นนักแต่งเพลงต่อไป ถึงแม้ผมจะไม่ใช่นักดนตรีหรือมือกีตาร์ก็ตาม น้าแอ๊ดกล่าว

 

อ้างอิงข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ตลาดหลักทรัพย์ และ carabaogroup