ราคาทองคำและราคาบิตคอยน์สองสินทรัพย์ที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี 2567 เพราะทั้งคู่ต่างมีปัจจัยหนุนการเข้าซื้อ
โดยประเด็นที่ทำราคาทองคำร้อนแรงและผันผวนอย่างมากจนพุ่งขึ้นทำ All Time High ทะลุ 2400 เหรียญในช่วงวันหยุดสงกรานต์บ้านเรา คือ เหตุการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ทางอิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้อิสราเอลที่โจมตีสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย ทองคำจึงถูกเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และนักลงทุนยังมีความกังวลต่อแนวโน้มที่อิสราเอลอาจตอบโต้ทางการทหารต่ออิหร่านหรือไม่ ? ซึ่งอาจเป็นการจุดชนวนให้สงครามรุนแรงหรือยืดเยื้อมากขึ้นความเสี่ยงดังกล่าวจึงยังถูกมองเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
โดยหากดูตั้งแต่ต้นปี 2567 นี้ราคาทองปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 17% จากราคาราว 2,035 เหรียญ ขึ้นมาถึง 2,385 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศไทยก็ทะลุ 41,000 บาทต่อบาททองคำด้วยอีกแรงหนุนคือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าใกล้ 37 บาทต่อดอลลาร์หสรัฐแล้ว
ในขณะที่ Bitcoin ก็พุ่งขึ้นร้อนแรงเช่นกัน คำนวณจากต้นปีประมาณ 48% จากราคาราว 42,000 เหรียญ ขึ้นมาทะลุ 62,000 เหรียญในปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญคือการเข้ามาของ Spot Bitcoin ETF ส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเกิด Halving ที่เกิดขึ้นทุก 4 ปี และในปีนี้คือเดือนเมษายน ที่มีการเก็บสถิติพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่ดันให้ราคาบิตคอยน์สูงขึ้น
แม้ทั้งสองสินทรัพย์จะพุ่งขึ้นร้อนแรงในปี 2567 แต่อย่างไรก็ตาม ทีมงานSPOTLIGHT เก็บรวบรวมข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้าที่อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg เปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนระหว่างทองคำและบิตคอยน์ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็พบว่า ในบางปีทั้งสองสินทรัพย์ก็ลดลงหนักได้เช่นกัน โดยเฉพาะในฝั่งของบิตคยอน์ ดังนั้นไปดูกันว่าในแต่ละปีนั้น ทั้งสองสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร