หลังจากการปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมา มูลค่าของ NVIDIA ลดลงกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 16% เหลือเพียง 2.905 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากมูลค่าหุ้นที่ร่วงลงเกือบ 7% เหลือเพียงหุ้นละ 118.11 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตกลงไปอยู่อันดับที่สามตามหลัง Microsoft และ Apple นับตั้งแต่ NVIDIA ขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในช่วงเวลาสั้นๆ
โดยการลดลงของมูลค่า NVIDIA ส่งผลให้มูลค่าผู้ผลิตชิปและบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ลดลง ซึ่งเชื่อมโยงกับการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ อย่างหุ้น Super Micro Computer ซึ่งขายเซิร์ฟเวอร์ที่เต็มไปด้วยชิป AI ของ NVIDIA ลดลง 8.7% และ Dell ที่แข่งขันในตลาดนี้ลดลง 5.2%
ในขณะที่ผู้ออกแบบชิปอย่าง Arm มูลค่าหุ้นลดลง 5.8% และ ยักษ์ใหญ่ด้านเซมิคอนดักเตอร์ Qualcomm และ Broadcom ลดลง 5.5% และ 3.7% ตามลำดับ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ทำกำไรมากที่สุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเดิมพันอย่างหนักว่าพวกเขาจะเป็นผู้รับผลประโยชน์หลักจากคลื่นการใช้จ่ายด้าน AI
ทั้งนี้ มูลค่าหุ้นของ NVIDIA ทีเพิ่มขึ้น 140% ตั้งแต่ต้นปี 2024 ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมดัชนี และยังได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า การขายออกที่มากเพียงพอสำหรับผู้ผลิตชิปอาจกระตุ้นให้ตลาดตกต่ำในวงกว้างมากขึ้น
Barry Bannister หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านตราสารทุนของ Stifel เผยว่า หากราคาหุ้นของ NVIDIA ลดลงอย่างหนักในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับมูลค่าดัชนี S&P 500 ที่จะสูงขึ้นต่อไป และ NVIDIA ก็จะชะลอตัวลง จากกการอ้างถึงการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งของ NVIDIA
ในขณะที่ ดัชนี PHLX Semiconductor เกือบ 7% ในช่วงการซื้อขายสามช่วงที่ผ่านมา และดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งครองตลาดเทคโนโลยีร่วงลง 1.1% เมื่อวันจันทร์
นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ NVIDIA ได้ทำการขายหุ้น NVIDIA มูลค่ารวมเกือบ 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลถึงมูลค่าตลาดของ NVIDIA ที่ลดลงฮวบเช่นกัน โดยการซื้อขายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการขายตามกฎข้อ 10b5-1 ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจัดตั้งขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
การเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น NVIDIA อย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางคน เกิดความกังวลและเปรียบเทียบกับ ‘Cisco’ ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายที่กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในช่วงสั้นๆ ที่ฟองสบู่ดอทคอมเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2000 ทำให้ Cisco สูญเสียมูลค่ามากถึงประมาณ 80% ในปีถัดมา จากภาวะฟองสบู่แตกและกลุ่มโทรคมนาคมที่ลดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์
ส่วน Manish Kabra หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หุ้นสหรัฐฯ ที่ Société Générale กล่าวว่า การขายหุ้นของ NVIDIA เมื่อวันจันทร์ถือเป็น ‘การพัฒนาที่ยอดเยี่ยมสำหรับตลาด’ ซึ่งอาจเป็นการฟื้นตัวของตลาดในวงกว้างขึ้น หรือเราสร้างฟองสบู่ (ในหุ้นเทคโนโลยี) ที่เรายังไม่มี
NVIDIA เคยกล่าวว่า ความต้องการหน่วยประมวลผลกราฟิก AI (GPU) ยังคงสูงอยู่ เนื่องจากบิ๊กเทคฯ ทั้ง Microsoft, Google, Amazon, Oracle, และ Meta ซื้อชิปมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อนดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ของตน ซึ่งในปลายปีนี้ NVIDIA จะเริ่มจัดส่ง ‘Blackwell’ ชิป AI รุ่นต่อไป ทำให้นักวิเคราะห์บางคนคาดหวังว่าจะเริ่มต้นวงจรการเติบโตที่สำคัญอีกครั้ง
ที่มา Financial Times, CNBC, Companies Market Cap