แนวโน้มราคาทอง Sideways
ราคาทองปรับตัวลง (-4) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.16%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,383 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปิดตลาดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.16% ปิดที่ระดับ 2,383 ดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 40,650 - 40,700 บาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำมีความผันผวน โดยมีแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 2,353 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำอีกด้วย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สำหรับสัปดาห์นี้ นักลงทุนให้ความสนใจกับการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในปริมาณเท่าเดิม ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคม โดย Conference Board ซึ่งตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ 99.7 จาก 100.4 ในเดือนมิถุนายน และจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ซึ่งตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ 8.02 ล้านตำแหน่ง จาก 8.14 ล้านตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม
วิเคราะห์ราคาทอง
นักวิเคราะห์ประเมินว่า แนวโน้มหลักของราคาทองคำยังคงมีสัญญาณปรับตัวลดลง แต่สัญญาณจาก Modified Stochastic ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Oversold คาดว่าราคาทองคำจะเริ่มชะลอการลดลง และอาจเคลื่อนไหวออกด้านข้าง (Sideways) ในกรอบแคบ ก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้
แนวโน้มราคาทอง แรงขาย +23.1 ดอลลาร์ (+0.97%) ปิดตลาดที่ 2,387 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลง
ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ท่ามกลางความหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน แม้ว่าในการประชุมสัปดาห์นี้คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ย แต่ก็อาจมีการส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน นอกจากนี้ ความต้องการทองคำในอินเดียที่เพิ่มขึ้นหลังจากการลดภาษีนำเข้า ก็เป็นอีกปัจจัยหนุนราคาทองคำ
จับตาแนวต้าน 2,390-2,400 ดอลลาร์
แม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคใน Timeframe 240 นาทีจาก MACD และ Modified Stochastic จะบ่งชี้ถึงการปรับตัวขึ้นระยะสั้น แต่คาดว่าราคาทองคำจะฟื้นตัวอย่างจำกัด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 2,390-2,400 ดอลลาร์ ซึ่งอาจมีแรงขายออกมา
ตัวเลขเศรษฐกิจและการประชุมเฟดที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน ทั้งจากภาคเอกชนทั่วประเทศและนอกภาคเกษตร นอกจากนี้ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา
แนวโน้มราคาทองรชะลอการปรับตัวลง
ราคาทองปรับตัวลง (-33.1) ดอลลาร์ คิดเป็น (-1.38%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,364 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำชะลอการปรับตัวลง หลังจากที่ปรับตัวลดลง 33.1 ดอลลาร์ หรือ 1.38% ปิดตลาดที่ระดับ 2,364 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำแท่งเคลื่อนไหวในกรอบ 40,650 - 40,750 บาท แม้ว่าแรงเทขายทำกำไรและปัจจัยทางเทคนิคที่เป็นขาลง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาดจะกดดันราคาทองคำ แต่การที่กองทุน SPDR ซื้อทองเพิ่มขึ้น 3.45 ตัน ก็ช่วยพยุงราคาไว้ได้บ้าง
วิเคราะห์ราคาทอง
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 2,350-2,390 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอาจมีการฟื้นตัวในกรอบจำกัดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ซึ่งจะเปิดเผยในคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวลงได้ต่อ
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
แนวโน้มราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางขาลง โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 2,397 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 11.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 0.48% ในขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 41,200 - 41,300 บาท
แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,430 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจัยบวกจากการที่อินเดียลดภาษีนำเข้าทองคำ แต่ก็เผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากดัชนี PMI ภาคบริการเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจยังคงเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคยังคงบ่งชี้ภาวะขาย หากราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญที่ 2,380-2,385 ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,360 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นักลงทุนควรติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในคืนวันนี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในกรอบจำกัด
ราคาทองปรับตัวขึ้น +13 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.54%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,409 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำในตลาดโลกปิดที่ 2,409 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 13 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.54% จากวันทำการก่อนหน้า โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 41,100 - 41,300 บาท
ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำ
ปัจจัยกดดันราคาทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ
ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ
บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่อยู่ในกรอบจำกัด และอาจไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 2,418-2,420 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านดังกล่าว อาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมา
ราคาทองปรับตัวลง (-4.38) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.18%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,396 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานที่ 2,396 ดอลลาร์ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 4.38 ดอลลาร์ (-0.18%) โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 41,300 - 41,400 บาท แม้ราคาทองคำจะปรับตัวลงหลุด 2,400 ดอลลาร์ จากแรงเทขายทำกำไรหลังทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน และได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น แต่ในช่วงกลางวันมีสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อยจากข่าวไบเดนประกาศถอนตัวจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ปัจจัยที่ต้องจับตา
ในคืนวันนี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือนมิถุนายน ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง
วิเคราะห์ทางเทคนิค
แม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคจะบ่งชี้การปรับตัวลดลงในระยะสั้น แต่ในระหว่างวันมีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะชะลอการปรับตัวลดลง และอาจมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
แนวโน้มราคาทอง แรงเทขายต่อเนื่อง
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย 39.51 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดตลาดที่ระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ที่ 41,400 บาทต่อบาททองคำ
แม้ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,483 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังคงมีโอกาสกลับตัวขึ้นได้อีกครั้งจากแนวรับสำคัญที่ 2,393 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ รอบที่ 2 รวมถึงตัวเลขภาคการผลิต ภาคบริการ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
ราคาทองคำโลกเริ่มฟื้นตัวจากแนวรับสำคัญที่ 2,393 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่อาจส่งให้ราคาทองคำกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
แนวโน้มในระยะสั้น
คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับที่ 2,415-2,420 ดอลลาร์สหรัฐ และแนวรับสำคัญที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ
แนวโน้มราคาทอง แรงเทขายต่อเนื่อง
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ปิดตลาดที่ระดับ 2,444 ดอลลาร์สหรัฐ (ลดลง 13.4 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.54%) โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 41,900 - 42,000 บาท
ปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ
ปัจจัยที่อาจสนับสนุนราคาทองคำ
การคาดการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ย: ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 2,700-3,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
แนวโน้มในระยะสั้น
คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับที่ 2,415-2,420 ดอลลาร์สหรัฐ และแนวรับสำคัญที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ
หมายเหตุ: ในคืนนี้สหรัฐฯ ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
แนวโน้มราคาทองคำย่อตัวลงเล็กน้อย
ราคาทองปรับตัวลง (-10.2) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.41%) ปิดตลาดที่ระดับ 2,458 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำปรับตัวลดลง 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดตลาดที่ 2,458 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 41,900 - 42,150 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ
แนวโน้มราคาทองคำ
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลง แต่คาดว่าแรงเทขายจะอยู่ในกรอบจำกัด นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 2,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน
นักลงทุนที่สนใจทองคำอาจรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมาที่แนวรับ 2,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำพุ่งทำ All-Time High ใหม่ ท่ามกลางความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) โดยราคาทองคำ Gold Spot ปิดตลาดที่ 2,468 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 46.5 ดอลลาร์ หรือ 1.91% จากวันก่อนหน้า ราคาทองคำแท่งในประเทศก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยมีราคาสูงสุดที่ 41,650 บาท และราคาต่ำสุดที่ 41,550 บาท
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำในครั้งนี้ คือ การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ โดยประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกได้ออกมาแถลงว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าเฟดอาจจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กองทุน SPDR Gold Trust ยังได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 5.49 ตัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ได้แก่ ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านและการเริ่มสร้างบ้านในเดือนมิถุนายน รวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้น
วิเคราะห์ราคาทอง
นักวิเคราะห์มองว่า แม้ราคาทองคำจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ในช่วงกลางวันอาจมีการปรับตัวขึ้นในกรอบที่แคบลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนอาจเทขายทำกำไรระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
แนวโน้มราคาทอง เคลื่อนไหวกรอบแคบ
ราคาทองปรับตัวขึ้น +11ดอลลาร์ คิดเป็น +0.45%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,421 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำทะยานใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
ราคาทองคำพุ่งขึ้น 11 ดอลลาร์ (+0.45%) ปิดตลาดที่ 2,421 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 41,200 - 41,300 บาท
แรงหนุนจากเฟด ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เงินเฟ้อลดลงถึง 2% ก่อน ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่ม 1.44 ตัน
ปัจจัยที่ต้องจับตา คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะลดลง 0.3% จากเดือนพฤษภาคม
วิเคราะห์แนวโน้ม
แม้ราคาทองคำจะถูกเทขายในช่วงบ่าย แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ราคาดีดตัวขึ้นในช่วงกลางคืน ทำให้ราคาทองคำยังคงทำจุดสูงสุดและต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าวันก่อนหน้า และขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบลง แต่อาจมีแรงเทขายในช่วงกลางวันบ้าง
ราคาทองคำปรับฐาน คาดกลับสู่ทิศทางขาขึ้น
ราคาทองปรับตัวลง (-3.7) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.15%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,410 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำปิดตลาด ณ สิ้นสัปดาห์ที่ระดับ 2,410 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย -0.15% หรือ -3.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 41,150 บาท
ปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
ปัจจัยกดดันราคาทองคำ
แนวโน้มราคาทองคำ
คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงเพื่อทดสอบแนวรับที่ 2,390 - 2,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง ก่อนจะกลับสู่ทิศทางขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,370 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับราคาที่น่าสนใจสำหรับการเข้าซื้อ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ข้อเสนอแนะ
นักลงทุนที่ให้ความสนใจในทองคำสามารถรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 2,390 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือรอให้ราคาปรับตัวลงมาถึงแนวรับสำคัญที่ 2,370 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แนวโน้มราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นแรง ก่อนแรงเทขายทำกำไรอาจกดดัน
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำพุ่งทะลุ 2,400 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 2,414 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 43.8 ดอลลาร์ หรือ 1.84% โดยราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 40,800 - 40,900 บาท
แรงหนุนสำคัญมาจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ เดือนมิถุนายนที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเพิ่มความคาดหวังว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ กองทุน SPDR ยังเข้าซื้อทองคำ 1.72 ตัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำอาจย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วงกลางวันนี้ เนื่องจากแรงซื้ออาจลดลง และอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,400 และ 2,380 ดอลลาร์
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตา: คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิถุนายน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +4.8 ดอลลาร์ (+0.2%) ปิดตลาดที่ 2,363 ดอลลาร์ โดยมีราคาทองคำแท่งสูงสุด-ต่ำสุดอยู่ที่ 40,850 - 40,650 บาท ตามลำดับ
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ
การแถลงของประธานเฟด: ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อการแถลงของประธานเฟดที่แสดงความกังวลต่อผลกระทบของการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงและนานเกินไป ซึ่งเพิ่มความหวังว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
แรงขายจากกองทุน SPDR: กองทุน SPDR ขายทองคำ 1.43 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
การแถลงของประธานเฟด: คืนนี้จะมีการแถลงของประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของราคาทองคำ
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวเหนือแนวรับสำคัญที่ 2,340-2,350 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณบวก อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของราคาทองคำอาจอยู่ในกรอบจำกัด โดยคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,350-2,375 ดอลลาร์
แนวโน้มราคาทอง 2,350 – 2,375 ดอลลาร์
ราคาทองปรับตัวลง (-32.64) ดอลลาร์ คิดเป็น (-1.36%) ปิดตลาดที่ระดับ 2,358 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
ราคาทองคำปิดตลาด ณ ระดับ 2,358 ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลง 32.64 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.36% โดยมีราคาสูงสุดและต่ำสุดอยู่ที่ 2,391 และ 2,351 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ในขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 40,900 - 41,100 บาท
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ
ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลักดังนี้
แรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนที่หันไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งดัชนี S&P500 และ Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
การแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
การเข้าซื้อทองคำของกองทุน SPDR เพียง 0.01 ตัน
ปัจจัยที่ควรติดตาม
การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะชะลอการปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะสั้น โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,340 - 2,350 ดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,350 - 2,375 ดอลลาร์สหรัฐ
แนวโน้มราคาทอง Sideways
ราคาทองปรับตัวขึ้น +0.62 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.02%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,356 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปิดตลาดทรงตัวที่ 2,356 ดอลลาร์ หลังจากปรับขึ้นเล็กน้อย 0.62 ดอลลาร์ หรือ 0.02% โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 2,351 - 2,362 ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันชาติ ทำให้ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบราคา ในประเทศ ราคาทองคำแท่งเคลื่อนไหวในกรอบ 40,750 - 40,900 บาท โดยได้รับแรงหนุนเล็กน้อยจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศคืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 194,000 ตำแหน่ง
วิเคราะห์แนวโน้ม
ช่วงกลางวันนี้ คาดว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideways) เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคยังคงเป็นบวก โดย MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal Line และ MACD > 0 รวมถึง Modified Stochastic ยังไม่เข้าสู่โซน Overbought ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตา
คืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายน ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมง และอัตราการว่างงาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไปStochastic ยังไม่ได้เข้าสู่ Overbought
แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวขึ้น
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำพุ่งแรง! ปิดตลาดที่ 2,355 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 26.8 ดอลลาร์ หรือ 1.15%
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดย Gold Spot ทำราคาสูงสุดที่ 2,364 ดอลลาร์ และต่ำสุดที่ 2,326 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศไทย ทำราคาสูงสุดที่ 40,800 บาท และต่ำสุดที่ 40,600 บาท
แรงหนุนสำคัญมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ต่ำกว่าคาด และดัชนี PMI ภาคบริการที่ต่ำสุดในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ กองทุน SPDR ยังเข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 1.44 ตัน
นักวิเคราะห์มองว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในระยะสั้น โดยกราฟราคาทองคำเป็นแท่งเทียนสีเขียวยาว บ่งชี้แรงซื้อที่แข็งแกร่ง และราคาได้ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย SMA20 และ SMA50 ขึ้นไปแล้ว ขณะที่สัญญาณทางเทคนิค MACD ก็ส่งสัญญาณซื้อเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม คืนนี้สหรัฐฯ จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เนื่องจากตลาดการเงินปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐฯ
แนวโน้มราคาทอง Sideways
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideways) โดยปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 2,329 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย 2.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.10% จากแรงกดดันของตัวเลขตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาดการณ์ ประกอบกับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ระบุว่าแม้เงินเฟ้อจะลดลงบ้าง แต่ยังต้องการความมั่นใจว่าจะปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืนก่อนที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม กองทุน SPDR Gold Trust ยังคงเข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 5.76 ตัน สะท้อนความเชื่อมั่นในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองคำในระยะสั้นจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 2,320-2,340 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีแนวรับที่ 2,315-2,320 ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 2,340 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ อาจมีแรงเทขายทำกำไรกดดันราคา นักลงทุนควรจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในคืนนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
แนวโน้มราคาทอง ราคาทองปรับตัวลง (-1.7) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.07%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,325 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อย (-0.07%) ปิดตลาดที่ 2,325 ดอลลาร์ โดยมีราคาสูงสุดและต่ำสุดอยู่ที่ 2,339 ดอลลาร์ และ 2,319 ดอลลาร์ ตามลำดับ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 40,500 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหว
สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 2,293-2,339 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ตัวเลข Core PCE เดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 2.6% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ผลสำรวจหลังการดีเบตครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ว่าชาวอเมริกาส่วนใหญ่ (67%) มองว่านายทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ ในขณะเดียวกัน กองทุน SPDR ขายทองออก 2.88 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ปัจจัยที่ต้องจับตา
สัปดาห์นี้ ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ ทั้งการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนมิ.ย. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. รวมถึงรายงานการประชุม FOMC
วิเคราะห์แนวโน้ม
แม้ราคาทองคำจะถูกเทขายออกมา แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา ทำให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยคาดว่าราคาทองคำอาจย่อตัวลงเล็กน้อยหลังแตะ 2,340 ดอลลาร์ แต่อาจยังคงยืนเหนือ 2,300 ดอลลาร์ได้