.jpg)
ปี 2021 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปีทองของคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น แต่ตลาดหุ้นโดยเฉพาะกลุ่ม "หุ้นเทคฯ" ยังเติบโตชนิดที่ทำให้ผู้ถือกองทุนหุ้นอเมริกายิ้มกันถ้วนหน้ามาแล้ว
ในบรรดา 6 บริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดด้วยมูลค่าตลาด (Market cap) มีแค่ซาอุดีอรามโก รายเดียวเท่านั้นที่ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ และ 5 รายในกลุ่มก็ล้วนมีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสิ้น
ปีนี้ Apple สามารถขึ้นไปทำมูลค่าตลาดแตะ "3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ" ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยมี Microsoft จ่อตามมาติดๆ ขณะที่ Meta และ Tesla ก็ทะยานขึ้นไปแตะ "1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ" ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้เช่นกัน
สำนักข่าว CNBC ได้รวบรวมข้อมูลจาก Factset พบว่า 6 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ คือ Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Tesla และ Meta (Facebook) มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นนับจากต้นปี 2021 จนถึงวันที่ 23 ธ.ค. รวมกันแล้ว 2.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนทั่วโลกต้อง Work from home เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคต้องหันเข้าหาผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านเทคโนโลยีกันมากขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Apple (+30%)
- มูลค่าตลาด ณ ต้นปี 2021 - 2.2 ล้านล้านดอลลาร์
- มูลค่าตลาด ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2021 - 2.9 ล้านล้านดอลลาร์
แม้จะมีปัญหาเรื่องซัพพลายเชนจนส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าสำคัญๆ เช่น ไอโฟน แต่ Apple ก็สามารถเดินหน้าการเติบโตจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นถึง 30% ในปีนี้ โดยมีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 6.59 แสนล้านดอลลาร์ และขึ้นไปแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์ได้ในช่วงสั้นๆ ที่สำคัญ Apple ยังคงรักษาแชมป์บริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 1 ของโลก ที่ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์
2. Microsoft (+50%)
- มูลค่าตลาด ณ ต้นปี 2021 - 1.7 ล้านล้านดอลลาร์
- มูลค่าตลาด ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2021 - 2.5 ล้านล้านดอลลาร์
Microsoft มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ หลังจากมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคลาวด์ เฉพาะในปี 2021 ราคาหุ้นของ Microsoft ทะยานขึ้นไปแล้วถึง 50% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของบริษัททะลุระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก และเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Apple
3. Alphabet (+65%)
- มูลค่าตลาด ณ ต้นปี 2021 - 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
- มูลค่าตลาด ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2021 - 2 ล้านล้านดอลลาร์
Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ทำมาร์เก็ตแคปขึ้นไปแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. หรือใช้เวลาแค่ไม่ถึง 2 ปี จากที่เคยทำสถิติ 1 ล้านล้านเอาไว้เมื่อเดือน ม.ค. 2020
ปีนี้หุ้น Alphabet ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มบิ๊กเทค โดยพุ่งขึ้นถึง 65% จากผลประกอบการที่สดใสในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งบริษัทมีรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้นถึง 43% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และยังเป็นเพราะผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Google กันมากขึ้นในช่วงโควิด-19 ที่ต้อง Work from home จนทำให้เป็นแชมป์หุ้นบิ๊กเทคประจำปี 2021 ไปอย่างไร้คู่แข่ง
4. Amazon (+6%)
- มูลค่าตลาด ณ ต้นปี 2021 - 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
- มูลค่าตลาด ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2021 - 1.7 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นของ Amazon ค่อนข้างจะขึ้นลงเป็นรถไฟเหาะในปีนี้ โดยเคยขึ้นไปแรงถึง 17% เมื่อช่วงไตรมาส 3 ก่อนจะร่วงลงมา จนทำให้ทั้งปีโตเฉลี่ยเพียง 6%
อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายของบริษัทจะเติบโตลดลง เนื่องจากปัญหาเรื่องซัพพลายเชนและการที่สถานการณ์โควิดบรรเทาลง (ก่อนโอมิครอน) จนทำให้คนหันไปเข้าช็อปเลือกซื้อของตามห้างร้านกันมากขึ้น แต่ Amazon ก็ยังสามารถทำรายได้มากศาลถึง 1.1 แสนล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา และยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจคลาวด์ Amazon Web Services (AWS) รวมถึงโฆษณา และการรับสมาชิก Amazon Prime ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำรายได้แซงหน้าธุรกิจค้าปลีกได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย
5. Tesla (+58%)
- มูลค่าตลาด ณ ต้นปี 2021 - 6.77 แสนล้านดอลลาร์
- มูลค่าตลาด ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2021 - 1.1 ล้านล้านดอลลาร์
จากปี 2020 ที่ว่าดีแล้ว มาปีนี้ Tesla ยิ่งทำได้ดีกว่าเดิม มูลค่าหุ้นเติบโตกว่า 5 เท่า จนกลายเป็น 1 ในหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดของวอลล์สตรีท และส่งผลให้ CEO คนดังอย่าง "อีลอน มัสก์" ผงาดขึ้นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกมาแล้ว ปีนี้หุ้น Tesla เติบโตถึง 46% และมีมูลค่าตลาดขึ้นไปทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก นับเป็นปีที่สามารถต่อยอดความสำเร็จได้เป็นอย่างดี หลังจากที่สามารถแซง Toyota ขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์เบอร์ 1 ของโลกได้ เมื่อเดือน ก.ค. 2020 ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทมีมูลค่า 2.06 แสนล้านดอลลาร์
6. Meta (+20%)
- มูลค่าตลาด ณ ต้นปี 2021 - 7.78 แสนล้านดอลลาร์
- มูลค่าตลาด ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2021 - 9.32 แสนล้านดอลลาร์
แม้จะแผ่วปลาย แต่ Meta ก็เคยทำมูลค่าตลาดแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์มาได้เหมือนกันเมื่อช่วงต้นปีนี้ในครั้งที่ยังไม่เปลี่ยนชื่อจาก Facebook ก่อนที่บริษัทจะเผชิญกับมรสุมหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกอดีตคนในแฉเอกสารลับ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อเรื่องความสามารถในการทำเงินของ Meta จากยอดผู้ใช้งานนับพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งบริษัทกำลังมุ่งไปที่ฟีเจอร์ Reels ซึ่งหวังจะขึ้นมาแข่งขันโดยตรงกับ TikTok