นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวกับทีมข่าว "SPOTLIGHT" ว่า ในวันพฤหัสบดีนี้(13 ม.ค.นี้) คณะกรรมการ(บอร์ด) ของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยซึ่งมีสมาชิก ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.), สมาคมบริษัทจัดการกองทุน, สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย, สมาคมตราสารหนี้ไทย และ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ จะมีการนัดประชุมประจำเดือน ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปีนี้
โดยจะมีประเด็นสำคัญที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคือ การหารือในเรื่องคัดค้านกรณีที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดในการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์(Financial Transaction tax) ซึ่งสมาชิกของ FETCO ทั้งหมดต่างมีความเห็นและจุดยืนร่วมกันคัดค้านในเรื่องนี้
สำหรับประเด็นที่จะการนัดหารือเพิ่มเติมในที่ประชุมนี้คือ การพิจารณาทำหนังสือคัดค้านออกมาอย่างเป็นทางการเพื่อส่งไปยังกระทรวงการคลังซึ่งเป็นต้นสังกัดของกรมสรรพากรซึ่งมีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีในส่วนนี้ โดยจะให้บอร์ดของ FETCO ที่มีตัวแทนจากองค์ต่างๆ ของภาคตลาดทุนมาเสนอระดมความคิดเห็นที่รอบด้าน รวมถึงเจาะลึกลงไปในประเด็นเหตุผลสำคัญที่ต้องการเน้นเพิ่มเติมถึงผลกระทบหากมีการเก็บภาษี Financial Transaction tax เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเตรียมไว้ หากที่ประชุมมีมติออกมาว่าต้องการส่งหนังสือทำเรื่องคัดค้านไปยังกระทรวงการคลัง
อย่างไรก็ดีสำหรับความเห็นส่วนตัวขอยืนยันว่าไม่เห็นด้วยเช่นกันกับมาตรการเก็บภาษีดังกล่าว เพราะเห็นว่ายังเป็นจังหวะเวลาการเก็บภาษีจากการขายหุ้นยังไม่เหมาะสม เนื่องจากจะมีผลกระทบในด้านการพัฒนาตลาดทุน ใน 2 เรื่องสำคัญคือ 1.ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยให้ลดลงประมาณถึง 30% จากมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 80,000 ล้านบาทต่อวัน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมามีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึงประมาณ 40% ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยปี 2564 ที่จะมาลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญในตลาดหุ้นไทยเพราะมีต้นทุนที่สูงขึ้นจาการจัดเก็บภาษี
เรื่องที่ 2.จะกระทบต่อการผลิตภัณฑ์การเงินและลงทุนที่ทำได้ยากขึ้น รวมถึงจะเป็นอุปสรรคต่อการออมภาคประชาชนของไทย อีกทั้งจะเป็นการสร้างอุปสรรคในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ คือ ธุรกิจกลุ่ม New Economy และเทคโนโลยีที่รัฐบาลมีนโยบายต้องการสนับสนุนให้เข้ามาระดมเงินทุนในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศ