กรรมการผู้จัดการ ธอส. หวั่นดอกเบี้ยขาขึ้นสหรัฐฯ กดดันดอกเบี้ยขึ้นตาม ไปกระทบค่าผ่อนบ้านปรับขึ้น ยืนยันดูแลประชาชน ธอส.จะพยายามปรับให้ช้าที่สุด ขณะที่ผลการดำเนินงานธนาคารปี 64 ปล่อยสินเชื่อทะลุเป้าหมาย สูงสุดในรอบ 68 ปี 2.47 แสนล้านบาท
2 ก.พ.65 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มองว่า สถานการณ์ในปี 65 เป็นแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งต้องจับตาว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หลายครั้งในปีนี้นั้น จะสร้างแรงกดดันส่งผ่านมายังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดกันๆ หลายครั้ง คงเลี่ยงยากที่ กนง.จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย
"ดังนั้น สิ่งที่ ธอส.มีความเป็นห่วงมากที่สุด คือ ผลกระทบที่จะมีต่อเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อ ที่อาจจะได้เห็นการปรับขึ้นเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว ธอส.จะพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ช้าที่สุด"
"ตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่ภาวะดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาขึ้นพร้อมกัน ลูกค้าที่ชำระค่างวดอิงจากดอกเบี้ยคงที่ คงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ที่ห่วงคือ ที่อิงจาก M จะกระทบแน่ เพราะเงินงวดต้องนำไปตัดดอกเบี้ยก่อน แล้วค่อยมาตัดเงินต้น คำถามคือ ถ้าช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วตัดดอกเบี้ยไม่พอเหลือตัดเงินต้น ก็คงต้องปรับเงินงวดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งการจะปรับขึ้นมาจากปัจจัยเดียว คือ การขึ้นดอกเบี้ยติดๆ กันในช่วงสั้นๆ ต้องตามดูว่า กนง.จะรับ effect โดยตรงจากเฟดหรือไม่" นายฉัตรชัยระบุ
ขณะที่ผลการดำเนินงานของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปี 2564 ประสบความสำเร็จตามพันธกิจ “ทำให้ คนไทยมีบ้าน” ด้วยสินเชื่อใหม่ถือว่า สูงสุดในรอบ 68 ปี ที่จำนวน 2.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.65% สูงกว่าเป้าหมาย 31,234 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง 1,458,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.40% สินทรัพย์รวม 1,506,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.04% เงินฝากรวม 1,274,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.74% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 58,381 ล้านบาท คิดเป็น 4% ของยอดสินเชื่อรวม ส่วนการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ผ่าน 22 มาตรการ รวมจำนวนลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือสูงสุด 973,227 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 847,218 ล้านบาท ส่วนใหญ่ประมาณ 87% กลับมาผ่อนชำระได้ตามปกติ
ด้านแผนยุทธศาสตร์ GHB Next Move Sustainable Bank ก้าวสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืนด้วย 3 แนวทางหลักในการขับเคลื่อนองค์กร โดยการเพิ่มประสิทธิภาพ
1.เพิ่มประสิทธิภาพ Technology ใช้ Technology Digital ปรับกระบวนการให้บริการลูกค้าTechnology
2.ยกระดับ Operation การทำงานที่เกี่ยวกับลูกค้า เพื่อเป้าหมายสำคัญทางด้านการเงิน อาทิ สินเชื่อ
ปล่อยใหม่ เพิ่มขึ้น 3% จากเป้าหมายในปี 2564 บริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ที่ระดับไม่เกิน 4.67% ของสินเชื่อรวม Operation และ
3.พัฒนาผู้ปฏิบัติงานสู่ People Excellence ด้วยการสร้าง Mindset บุคลากรกว่า 5,000 คน เพื่อให้มีความพร้อมมีความสามารถในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงให้เสมอการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พร้อมทำงานด้วยความรวดเร็วและเป็นมืออาชีพเพื่อเดินหน้าตามพันธกิจ : ทำให้คนไทยมีบ้าน ด้วยการ Up-skill ให้มีความรู้ความเข้าใจ