การเงิน

ทองคำจ่อขึ้น อานิสงส์ราคาน้ำมันส่อแววพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

2 ต.ค. 66
ทองคำจ่อขึ้น อานิสงส์ราคาน้ำมันส่อแววพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ไฮไลท์ Highlight
ถึงกระนั้น ซาอุซาอุดีอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียยังขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 3 แสนบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีเช่นกัน อันเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบมีการพุ่งขึ้นไปแตะที่ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2022

ในปัจจุบันราคาน้ำมันมีทิศทางปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะหลังกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมในช่วงต้นเดือนมิ.ย.จากการผลิตราว 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลือเพียง 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมีผลนับตั้งแต่เดือนก.ค. เป็นต้นมา การลดกำลังการผลิตราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นการปรับลดกำลังการผลิตลงมากที่สุดในรอบหลายปี

การปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวเกิดขึ้นโดยสมัครใจหลังมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจีนอาจไม่ได้ฟื้นตัวตามที่หลายฝ่ายตาดการณ์ ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ อย่าง สหรัฐ สหภาพยุโรป และอังกฤษ เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่ค้างตัวในระดับสูง ที่มาพร้อมกับความเสี่ยงในการเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ส่อแววไม่สู้ดีเช่นนี้ ทำให้แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งการหั่นกำลังการผลิต จึงถือเป็นวิธีการตรึงราคาน้ำมันไว้ในราคาที่ทางประเทศผู้ผลิตน้ำมันยอมรับได้

ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน
และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 เศรษฐกิจสหรัฐได้รับมุมมองเชิงบวกที่เพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐหลายรายการได้บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายฝ่ายมองเห็นความเป็นไปได้ที่เพิ่มมากขึ้นต่อแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถรอดตัวจากภาวะถดถอยในปีนี้ได้ สอดคล้องกับการแถลงผลการประชุม รอบเดือนก.ค. ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เฟดประเมินว่าจะไม่เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ สหรัฐนับเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจดังกล่าว จึงมีนัยต่อระดับการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ระดับอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังจะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2024

ถึงกระนั้น ซาอุซาอุดีอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียยังขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 3 แสนบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีเช่นกัน อันเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบมีการพุ่งขึ้นไปแตะที่ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2022

นอกจากนั้น ยังมีอีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมัน คือ ระดับน้ำมันคงคลังของสหรัฐที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งสหรัฐนับเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก อุปทานที่อยู่ในระดับต่ำดังกล่าว จึงบ่งชี้ถึงภาวะตึงตัวของอุปทานน้ำมัน จากสถานการณ์ข้างต้น ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสขึ้นไปเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในสิ้นปีนี้
ราคาทองคำ กับราคาน้ำมัน
ทองคำรับอานิสงส์ ราคาน้ำมันพุ่ง-เฟดจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ราคาทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ผลตอบแทนในรูปของอัตราดอกเบี้ย ทำให้ในช่วงที่เฟดจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงมีแนวโน้มที่ทองคำจะมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองที่ลดลงโดยเปรียบเทียบ โดยในช่วงการเปิดเผยมติอัตราดอกเบี้ยและรายงานประมาณการเศรษฐกิจของเฟดรอบเดือนก.ย. นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหลังจากนี้  

อย่างไรก็ดี ทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันและแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐตามที่กล่าวไป ได้เพิ่มโอกาสการกลับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ สอดคล้องกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคระห์คาดการณ์ไว้ หลายฝ่ายจึงไม่ละทิ้งความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ หรือเฟดอาจยืดระยะการจบรอบอัตราดอกเบี้ยออกไป

ถึงกระนั้น มีความเป็นไปได้ที่ต่ำมากต่อแนวโน้มที่เฟดจะยืดระยะดังกล่าวออกไปจนถึงปี 2024 โดยแม้ว่าทิศทางราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น แต่เนื่องด้วยเศรษฐกิจสหรัฐมีความเปราะบางจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง ทำให้การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในรอบนี้ อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดมากนัก   

จากสถานการณ์ข้างต้น นับว่าเป็นสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเชิงบวกต่อราคาทองคำทั้งสิ้น โดยทิศทางการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันอาจทำให้เงินเฟ้อค้างตัวอยู่เหนือระดับเป้าหมายของเฟดอีกสักระยะ ซึ่งนับเป็นปัจจัยเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินหลายชนิด จึงเป็นการเพิ่มแรงกระตุ้นการถือครองทองคำ เพื่อรักษามูลค่าความมั่งคั่ง

ขณะที่การยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ราคาราคาทองคำการปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีการประเมินว่า ราคาทองคำจะสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง หลังการยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด

advertisement

SPOTLIGHT