หุ้นการท่องเที่ยวเช้านี้ (4 ต.ค.) ปรับตัวลงต่อเนื่อง ปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่แดนลบ รับแรงกดดันจากเหตุยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเมื่อวานนี้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 1 ราย ชาวเมียนมาร์ 1 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย นักวิเคราะห์คาด sentiment ท่องเที่ยวติดลบระยะสั้น แต่จะฟื้นตัวจนได้นักท่องเที่ยวตามเป้า 27 ล้านคนในช่วงปลายปี
โดยจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ในการซื้อขายช่วงเช้า หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยว เช่น AOT, AAV, CENTEL, MINT และ ERW ได้รับ sentiment ลบปรับตัวลงต่อเนื่องจากเหตุสลดดังกล่าว โดยมีการเคลื่อนไหวดังนี้
- AOT ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 2.14% จากราคาปิดวันก่อนหน้า
- AAV ปิดที่ 2.58 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ 3.01% จากราคาปิดวันก่อนหน้า
- CENTEL ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.12% จากราคาปิดวันก่อนหน้า
- MINT ปิดที่ 30.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.61% จากราคาปิดวันก่อนหน้า
- ERW ปิดที่ 5.40 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 3.57% จากราคาปิดวันก่อนหน้า
นักวิเคราะห์คาดหุ้นท่องเที่ยวติดลบระยะสั้น แต่ยังได้ นทท. ตามเป้า
บล.กสิกรไทย คาดเหตุสลดที่พารากอนในระยะสั้นจะกระทบ sentiment โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว แต่ยังมองว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยรวมยังสามารถขยายตัวได้ตามประมาณการที่ 27 ล้านคนในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยว 9 เดือนแรกของปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 20 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละ 2.2 ล้านคน และ 41 ล้านคนในปีหน้า
ทั้งนี้ หากลองย้อนเหตุการณ์กรณีเหตุระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมในช่วงเย็นของวันที่ 17 สิงหาคม 2015 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ราย และบาดเจ็บกว่า 163 คน โดยในคราวนั้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือนสิงหาคมปรับตัวลดลงทันที 2% จากเดือนก่อนหน้า แต่ก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาเติบโตในไตรมาสที่ 3
ส่วนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวหลักๆ ปรับตัวลงในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังเกิดเหตุระเบิด เช่น CENTEL (-15.2% WoW), ERW (-12.6% WoW), AOT (-11.5% WoW), และ MINT (-5.5% WoW) เป็นต้น แต่ก็พบว่าหุ้นทั้งหมดรีบาวน์กลับมาที่เดิมราวๆ 1-2 เดือนหลังเกิดเหตุระเบิด ทำให้กสิกรมองว่าแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวและราคาหุ้นน่าจะกลับมาในรูปแบบเดียวกัน
ทางด้าน บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) มองเหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะสร้าง Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวในระยะสั้น เพราะจะกระทบความเชื่อมั่นในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ต่างชาติ โดยเฉพาะกับความคาดหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนมีความกังวลต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยอยู่แล้ว จากกระแสเชิงลบของคดีเกี่ยวกับคนจีนในไทย และหนังจีนที่สร้างมุมมองลบต่อการเดินทางเข้า ประเทศโซน South East Asia
ดังนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวอาจกระตุ้นความไม่เชื่อมั่นในการเดินทางในมุมมองคนจีน โดยหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบคือ
- หุ้นโรงแรม ERW CENTEL MINT SHR AWC
- หุ้นสนามบินและสายการบิน AOT, AAV, BA
- หุ้นขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอย่าง SPA
โดยหากอิงข้อมูลในอดีต พบว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่กระทบความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวไทย จะส่งผลให้หุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ปรับตัวลงในกรอบ 2%-10% วันต่อวัน ทำให้ในเชิงกลยุทธ์ระยะสั้นหุ้นท่องเที่ยวมีโอกาสซึมตัว จากการถูกลดน้ำหนักการลงทุนเพราะความเสี่ยงดังกล่าว
แนวโน้มหุ้นลงต่อ sentiment การลงทุนยังคงเปราะบาง
สำหรับการลงทุนในวันนี้ บล. กสิกรไทยมองแนวโน้มหลักดัชนีปรับตัวลงต่อในวันนี้จาก sentiment ลบของตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน ได้แก่
- คาดการณ์เงินเฟ้อที่ทำให้ตลาดยังคงตีความว่าเฟดจะยืนดอกเบี้ยสูงๆนานต่อเนื่อง กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีเร่งตัวขึ้นต่ออีก 11bps. เป็น 4.79% สูงสุดนับแต่ปี 2007 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีทรงตัวที่ 5.14%
- รายงานตัวเลข JOLTs job opening ออกมาดีกว่าคาด ที่ 9.61 ล้านตำแหน่งสูงกว่าคาดที่ 8.5 ล้านตำแหน่ง และดีกว่า 8.8 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า สะท้อนคาดการณ์ภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวขึ้นเล็กน้อยจากจำนวนงานที่ยังมากกว่าคนว่างงานราวๆ 1.5x และอาจกดดันการปรับขึ้นค่าจ้าง
- ค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยวันนี้ดีดกลับมาที่ระดับ 37.05 บาท หลังวานนี้พุ่งทำระดับสูงสุดของวันที่ 37.16 บาท คาดเกิดจาก ธปท. เข้ามาดูแลเพื่อลดความผันผวน ทั้งนี้ ธปท. ประเมินเงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่าจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะคงดอกเบี้ยไว้นานกว่าที่คาด ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ โดยเปรียบเทียบ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคาทองคำที่ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี ทำให้มีการนำเข้าเพิ่ม ซึ่งตลาดมองว่าอาจกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย
จากปัจจัยเหล่านี้ บล. กสิกรไทย ปรับแนวรับลงมาที่บริเวณ 1,430 จุด หลัง SET Index หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,460 จุดลงมา มองกรอบการเคลื่อนไหวช่วงที่เหลือของสัปดาห์ที่ 1,430 – 1,490 จุด
ทั้งนี้ sentiment การลงทุนในหุ้นไทยยังคงเปราะบาง โดยปัจจัยสำคัญในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ตลาดจะให้น้ำหนักกับตัวเลขตัวเลขเงินเฟ้อของไทย รวมถึงตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เฟดใช้กำหนดนโยบายการเงินในไตรมาส 4/2566
หุ้นไทยปิดตลาด ที่ 1451.25 จุด +3.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,227.05 ล้านบาท