กลุ่มธุรกิจการเงินกสิกรไทยได้ขยายการลงทุนในธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทย่อย บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด และ บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล อินโดนีเชีย เป็นผู้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยมูลค่าทุนของธนาคารแมสเปี้ยนหลังเพิ่มทุนแล้วเสร็จอยู่ที่ 15,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารกสิกรไทยในธนาคารแมสเปี้ยนจากเดิมอยู่ที่ 67.68% เพิ่มเป็น 84.55% ตอกย้ำการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป้าหมายสู่การเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดใน East Java ประเทศอินโดนีเซีย
กลุ่มธุรกิจการเงินกสิกรไทยได้ทยอยเข้าถือหุ้นธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยล่าสุดในครั้งนี้ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกครั้ง เพื่อผลักดันให้การดำเนินงานของธนาคารแมสเปี้ยนเติบโตอย่างต่อเนื่อง เสริมความแข็งแกร่ง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการให้บริการลูกค้า
ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยได้นำประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจธนาคารกว่า 78 ปี ความพร้อม ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์ ต่อยอด และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในทุกด้านสู่ธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อเป็น “Right Financial Partner” ที่สามารถให้บริการด้านอื่น ๆ
นอกเหนือจาก การให้บริการด้านธุรกรรมการเงินเพื่อช่วยส่งสริมการเติบโตในธุรกิจของลูกค้า รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาว
ด้วยดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail)
- กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็นผู้นำทางธุรกิจที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย
ธนาคารจึงต้องการเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระดับที่ลึกขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งใน แหล่งเงินทุนที่มีศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อ และให้บริการด้านธนาคารที่ครบวงจร
- กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ธนาคารได้ดำเนินการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยในการตรวจสอบรายได้ และการอนุมัติการปล่อยสินเชื่อ เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดต่าง ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังนำเสนอระบบกู้เงินแบบ P2P ที่ลูกค้าสามารถกู้ระหว่างบุคคล
- กลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) ธนาคารมุ่งขยายฐานลูกค้ารายย่อยผ่านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ ทั้งบัญชีเงินเดือน QRIS (ระบบชำระเงินผ่าน QR Code ของประเทศอินโดนีเซีย) บัญชีเงินฝาก การกู้เงินส่วนบุคคล รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ให้ตอบสนองความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้ารายย่อยในชีวิตประจำวันอันหลากหลาย
“การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ที่น่าเชื่อถือที่สุด ด้วยการยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมทางการเงิน และเทคโนโลยี เพื่อให้บริการที่ไม่จำกัดอยู่แค่ด้านการเงินตามการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน” นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด (KASIKORN VISION FINANCIAL COMPANY PTE. LTD.) (KVF) กล่าว
สำหรับข้อได้เปรียบของธนาคารกสิกรไทยที่มีพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทั่วภูมิภาค จะยิ่งช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอินโดนีเซีย และ AEC+3 ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของธนาคารในการก้าวสู่การเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ภายในปี 2570