SAS ผู้นำด้านซอฟต์แวร์และโซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูล เผยว่า Virtual Bank สามารถช่วยเพิ่ม GDP ประเทศได้จากกรณีศึกษาในต่างประเทศ เนื่องจากเปิดโอกาสให้บุคคลที่ไม่มีเครดิต สามารถเข้ากู้ยืมได้ง่ายขึ้น ทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้นในเศรษฐกิจ พร้อมทั้งยังมีโครงสร้างที่ต้นทุนต่ำกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ได้เผยเทรนด์ AI มาแรงในกลุ่มธรุกิจการเงินการธนาคารและประกันภัย ที่นำ AI มาใช้ในหลายด้าน โดยเฉพาะการประเมินความเสี่ยงด้านสินเชื่อ การตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ และประสิทธิภาพของพอร์ตสินเชื่อ
Virtual Bank ทันสมัยกว่า-ช่วยเพิ่ม GDP ประเทศได้
คุณ Naeem Siddiqi ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความเสี่ยงและการวิเคราะห์ข้อมูลของ SAS มองว่า Virtual Bank จะเข้ามาช่วยกลุ่มคนที่ไม่สามารถขอกู้ยืมจากธนาคารแบบดั้งเดิมได้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีเครดิตและมีความเสี่ยงสูง และยังช่วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบริการที่ดีขึ้นกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม เนื่องจากการกู้ยืมสามารถทำได้ง่ายกว่า ทุกอย่างอยู่ในระบบแบบดิจิทัล
ซึ่งโครงสร้างของ Virtual Bank มีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า สามารถปรับตัวได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับธนาคารแบบดั้งเดิมที่มีโครงสร้างที่เก่าแก่มาก เป็นร้อยปี ซึ่งใช้เวลานานมากเพื่อทำให้ระบบและโครงสร้างมีความทันสมัย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ Virtual Bank จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเนื่องจากมีต้นทุนโครงสร้างต่ำ แต่ให้ต้นทุนสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน ซึ่งการปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มคนที่ไม่มีเครดิต ยังช่วยหมุน GDP มากขึ้น เพราะพวกเขาจะมีเงินก้อนในการใช้จ่าย ซึ่งสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น
ธนาคารหันมาใช้ AI มากขึ้น-ปรับพอร์ตสินเชื่อให้สอดคล้องกับ Climate Risk
คุณณัฐพล อภิลักโตยานันท์ กรรมการผู้จัดการ SAS Software (Thailand) กล่าวว่า ภาคการเงินและการธนาคารหันมาใช้ AI ในการจัดการความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากหนี้เสียเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหน่วยงานที่ออกกู้ และจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาก AI จึงช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งธนาคารกว่า 10% ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการความเสี่ยงส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผู้ปล่อยสินเชื่อจำเป็นต้องปรับปรุงกลยุทธ์ด้วย AI และการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย เพราะภาคการเงินไทยมีอัตราหนี้ครัวเรือนสูง และความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่รุนแรงขึ้น
การนำ AI มาใช้จึงต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการที่อธิบายได้ ตั้งแต่ข้อมูลต้นทางที่มีความถูกต้อง Machine Learning และการกำกับดูแล (AI Governance) ที่จะต้องคำนึงถึงหลักการต่างๆ เช่น ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเป็นธรรม เพราะ AI คือเครื่องมือที่ส่งผลถึงชีวิตคน ดังนั้น
คุณ Naeem เสริมว่า ตอนนี้ภาคการเงินการธนาคารทั่วโลกมีการปรับพอร์ตสินเชื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ Climate Risk (ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ) ซึ่งหลายประเทศกำลังมุ้งเป้าไปสู่การเป็น Net Zero ภายในปี 2040 ในขณะที่ประเทศไทยตั้งเป้าที่ปี 2050
ธนาคารทั่วโลกเริ่มมีนโยบายการให้กู้ยืมตามกิจกรรมและจุดประสงค์การขอกู้จาก Climate Risk มากขึ้น โดย AI จะเข้ามาช่วยประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นบางภาคส่วนอาจพบว่าการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องยากขึ้น
ทั้งนี้ยังเน้นย้ำ Explainable AI หรือการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และหาข้อมูลที่ เมื่อป้อนเข้าไปต้องมีความน่าเชื่อถือ และมีกระบวนการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ ทำให้การตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว ในแบบที่ยุติธรรมและโปร่งใส อธิบายได้ด้วยตรรกะที่ชัดเจนเบื้องหลังผลลัพธ์ของโมเดล ทำให้ทั้งผู้ปล่อยสินเชื่อและลูกค้ามั่นใจได้
SAS เปิดบริการมานานกว่า 48 ปี และก่อตั้งสาขาในประเทศไทยมามากกว่า 23 ปี ทำให้ทางองค์กรมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และข้อมูลจำนวนมหาศาล ที่วิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ ช่วยธุรกิจประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ และลดอัตราการเกิดหนี้เสียได้ โดย 90% ของธนาคาร 100 อันดับแรกทั่วโลกใช้บริการ SAS