การเงิน

เปิดผลประกอบการ 3 เดือนแรก ของ 6 บิ๊กเทคฯ ประจำปี 2024

3 พ.ค. 67
เปิดผลประกอบการ 3 เดือนแรก ของ 6 บิ๊กเทคฯ ประจำปี 2024

ผลประกอบการรายไตรมาสของบิ๊กเทคสหรัฐฯ ในกลุ่ม ‘Magnificent Seven’ หรือเจ็ดนางฟ้า ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว นำทีมโดย Alphabet, Amazon, Apple, Meta, Microsoft, และ Tesla ซึ่งเป็นที่จับตามองของนักลงทุนจำนวนมากในปีนี้ เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัย การแข่งขันในด้าน AI ที่ดุเดือดกันอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังทรงตัว แม้จะอยู่ในอัตราที่ช้าและแตกต่างกันไปตามภูมิภาคก็ตาม

SPOTLIGHT รวบรวมผลประกอบการรายไตรมาสของทั้ง 6 บิ๊กเทคฯ รายได้และกำไร รวมไปถึงทิศทาง กลยทุธ์ของแต่ละบริษัทสำหรับไตรมาสต่อไป

Alphabet รายได้-กำไรพุ่ง ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรก

ถึงแม้ Alphabet บริษัทแม่ของ Google จะปิดปี 2023 ไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่สำหรับไตรมาสแรกของปี 2024 บริษัทกลับมาทำรายได้และกำไรอีกครั้ง โดยรายได้หลักมาจาก Google Search, YouTube, และ Google Cloud ในขณะที่ฝั่งของธุรกิจด้าน AI แชทบอท Gemini ก็ดำเนินไปได้ด้วยดีเช่นกัน

สำหรับรายได้รวมช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 อยู่ที่ 2.974 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.41% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนกำไร 873,932 ล้านบาท พุ่งสูงมากถึง 57.22% ส่วนหนึ่งมาจากการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และภาพรวมของตลาด AI ที่กำลังไปได้ดี

ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับนักลทุนจำนวนมาก คือการประกาศการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกของบริษัท มูลค่า 7.37 บาทต่อหุ้น โดยทางคณะกรรมการของ Alphabet อนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นที่เรียบร้อย และจะเริ่มจ่ายในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2567 นอกจากนี้ ยังมีการเรียกซื้อหุ้นคืนมูลค่าสูงถึง 2.578 ล้านล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อฐานะทางการเงินของบริษัท และศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

ไม่เพียงเท่านี้ Alphabet เตรียมทุ่มเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และประกาศรวมทีมพัฒนาโมเดล AI จาก Google Research เข้าสู่ Google DeepMind เพื่อเร่งความก้าวหน้าใน AI เพื่อสู้กับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Microsoft

Amazon กำไรพุ่ง 3 เท่า YoY ธุรกิจคลาวด์เติบโตต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ในไตรมาสที่ 1/2024 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 12.53% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน อยู่ที่ระดับ 5.29 ล้านล้านบาท มากกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์การเติบโตไว้ที่ 8% ส่วนกำไรที่ทุบสิติ พุ่งขึ้นมากถึง 228.85% แตะ 385,258 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นที่พุ่งขึ้น 216.13% เช่นกัน

โดยผลกำไรมาจากการปรับลดต้นทุน และอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นในกลุ่มธุรกิจโฆษณาและคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยรายได้จากบริการ Amazon Web Services หรือระบบคลาวด์สำหรับธุรกิจและองค์กร เพิ่มขึ้น 17% สูงกว่าที่ Wall Street

นอกจากนี้ Amazon ยังคงสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยการจัดส่งที่รวดเร็วและสะดวกสบาย จากจำนวนการจัดส่งทั่วโลกมากกว่า 2,000 ล้านยูนิตที่ถูกจัดส่งสำเร็จในวันเดียวกันหรือวันถัดไป อย่างในเดือนมีนาคม คำสั่งซื้อของสมาชิก Prime ในพื้นที่ในเมืองขนาดใหญ่ที่สุด 60 อันดับแรกในสหรัฐฯ เกือบ 60% มาถึงในวันเดียวกันหรือวันถัดไป ส่วนในลอนดอน โตเกียว และโตรอนโต 3 ใน 4 ของรายการสินค้า ถูกจัดส่งในวันเดียวกันหรือวันถัดไปเช่นกัน

ส่วนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ รวมไปถึงการเลย์ออฟพนักงานถึงประมาณ 27,000 คนในช่วงปลายปี 2022-2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูรายได้ของ Amazon และยังคงมีการเลิกจ้างต่อเนื่องจนถึงปีนี้

Apple รายได้-กำไรลด ยอดขาย iPhone ลด 10%

เปิดปีมาไม่ค่อยดีนักสำหรับ Apple ที่กำลังเจอกับมรสุมในทุกทิศทาง ทั้งมีหน่วยงานกำกับดูแลและผู้ร่างกฎหมายกำลังตรวจสอบบริษัทในหลายประเทศ พัฒนา AI เพื่อตามบริษัทเทครายอื่นให้ทัน ยกเลิกโครงการ EV ที่วางแผนมานับหลายปี และยอดขายสมาร์ทโฟนที่ซบเซา โดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีการห้ามใช้แบรนด์ต่างประเทศในหน่วยงานรัฐบาล และการที่ผู้บริโภคยอมรับเทคโนโลยีที่ผลิตเองในจีนมากขึ้นอย่าง Huawei, HONOR, และ Xiaomi

โดยผลประกอบการในช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 ของ Apple ทำรายได้รวมที่ 3.35 ล้านล้านบาท ลดลง 4%จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนยอดขาย iPhone ลดลงเหลือประมาณ 1.69 ล้านล้านบาท ลดลงถึง 10% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้จากการบริการเช่น App Store, Apple TV และ Apple Pay ที่เพิ่มขึ้น 14% สู่ระดับ 1.69 ล้านล้านบาท

แม้นักลงทุนจะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจหลักของ Apple แต่ก็คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ในงาน Let Loose ในเดือนพฤษภาคม และเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่รอคอยมานาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในการประชุมนักพัฒนาในเดือนมิถุนายนนี้

ซึ่งหลังจากการเปิดเผยผลประกอบการ Apple ยังประกาศซื้อหุ้นคืนอีก 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าราว 4.06 ล้านล้านบาท และเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาส 4% ส่วน ทิม คุก ผู้บริหารระดับสูง มั่นใจว่าฟีเจอร์ Generative AI รุ่นใหม่ จะช่วยเพิ่มยอดขายฮาร์ดแวร์ โดยจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

Meta กำไรพุ่ง 116.66% แต่หุ้นร่วง 15% หลังการประกาศผลประกอบการ

Meta เปิดปีมาด้วยรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น การนำ AI มาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ และการเปิดตัว Meta AI ด้วยโมเดล Llama 3 ซึ่งมีเป้าหมายทำให้ผู้คนนับล้านหันมาใช้ Meta AI ทำให้ผลงานทางการเงินของ Meta แข็งแกร่งเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน 

โดยรายได้ทั้งหมดในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 27% อยู่ที่ 1.346 ล้านล้านบาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.33 ล้านล้านบาท ในขณะที่กำไรพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ 116.66% แตะ 456,836.65 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเป็น 173.96 บาท เกินความคาดหมายของการคาดการณ์ของ Wall Street ที่ 159.10 บาท

ซึ่ง Meta วางแผนที่จะใช้จ่ายกับ AI มากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1.10-1.47 ล้านล้านบาท และคาดว่ารายได้ในไตรมาสที่จะถึงอยู่ที่ราว 1.39 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ในระดับ 1.41 ล้านล้านบาท

ทำให้ราคาหุ้นตกลงมากกว่า 15% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการหลังการรายงานผลประกอบการ จากการคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าคาด และการลงทุนที่สูง อย่างไรก็ตาม Meta ย้ำว่าการมุ่งพัฒนา Meta AI ก่อนที่จะนำไปสู่การหารายได้ จะช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงในอนาคต เหมือนกับโมเดลธุรกิจของ Instagram Reels ที่เคยไม่ทำรายได้ในทันที แต่ปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจโฆษณาที่ทำกำไรได้สูง

Microsoft รายได้-กำไรสูงกว่าคาด จากระบบคลาวด์และ AI

เติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับระบบคลาวด์และ AI ของ Microsoft โดยเฉพาะบริษัทลูก OpenAI ที่กำลังเป็นผู้นำอุตสาหกรรม Generative AI และดูเหมือนว่า การพัฒนาจะไม่สิ้นสุด ทำให้บริษัทเทคนรายอื่นต่างพัฒนา Generative AI เพื่อมาท้าชน Microsoft อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้เสียที

โดยผลประกอบการรายไตรมาสของ Microsoft เผยรายได้รวมที่ประมาณ 2.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 810,295 ล้านบาท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ในขณะที่กำไรต่อหุ้นเพื่มขึ้น 20% แตะ 108.59 บาท นอกจากนี้ Microsoft ยังประกาศซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผลมูลค่ารวม 310,130 ล้านบาท ทำให้หุ้นปรับขึ้น 5.55% หลังจากการประกาศผลประกอบการ

ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจคลาวด์ Intelligent Cloud ที่เพิ่มขึ้น 21% อยู่ที่ 986,100 ล้านบาท ส่วน Azure และผลิตภัณฑ์คลาวด์อื่นๆ เพิ่มขึ้น 31% ขณะที่ธุรกิจซอฟต์แวร์และฮารด์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนตัว เช่น Xbox และ Windows เพิ่มขึ้น 62% เช่นกัน

ทางด้านสัตยา นาเดลล่า ประธานกรรมการและซีอีโอ เผยว่า บริษัทในกลุ่ม Fortune 500 กว่า 60% หันมาใช้ Microsoft Copilot เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงาน โดยกลุ่มนี้ยอมเสียค่าบริการเพิ่มเพื่อใช้ Generative AI นี้ ส่วนจำนวนนักพัฒนาที่ใช้งาน Microsoft’s GitHub เพิ่มขึ้นประมาณ 500,000 จากไตรมาสก่อนหน้า แตะ 1.8 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่เพิ่มฟีเจอร์ AI-Coding Assistant ของ OpenAI ทำให้ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมซับซ้อนน้อยลง

Tesla รายได้ต่ำสุดในรอบ 12 ปี ยอดขาย EV ตกฮวบ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Tesla ประเดิมปี 2024 ด้วยข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตั้งแต่ยอดส่งมอบไม่ถึงเป้า แรงกดดันด้านเทคโนโลยีและรถยนต์ การลดราคาครั้งใหญ่เพื่อสู้กับตลาดจีนและรักษาส่วนแบ่งตลาด ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลงถึงขั้นปลดพนักงานทั่วโลก การเรียกคืน Cybertruck และยังมีอีกมากมายที่อาจไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ

โดย Tesla รายงานว่า บริษัทประสบกับความท้าทายและปัจจัยมากมาย ตั้งแต่ความขัดแย้งในทะเลแดง การถูกลอบวางเพลิงใน Gigafactory Berlin การผลิตที่ลดลงใน Gigafactory Shanghai จากเทศกาลตรุษจีน การปรับปรุงสายการผลิต Model 3 ที่โรงงานฟรีมอนต์ ไปจนถึงยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกซบ

ปัญหาทั้งหมดนี้ สะท้อนมาถึงผลประกอบการของ Tesla โดยรายได้รวมอยู่ที่ 786,731.13 ล้านบาท ลดลง 8.69% หรือต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2012 และกำไรสุทธิในไตรมาสที่ลดฮวบถึง 55.07% ส่วนยอดการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ 433,371 คัน ลดลง 2% โดยยอดการผลิตของ Model 3 และ Y ลดลง 2% ส่วนโมเดลอื่นรวมกันลดลง 8% ในขณะที่ยอดการส่งมอบทั้งหมดอยู่ที่ 386,810 คัน ลดลง 9%

อย่างไรก็ตาม จำนวนสถานี Supercharger เพิ่มขึ้น 26% อยู่ที่ 6,249 สถานี สอดคล้องกับเป้าหมาย Tesla ที่ยังคงเดินหน้าลงทุนในด้าน EV เพื่อการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้อีลอน มัสก์ประกาศด้วยว่า บริษัทวางแผนที่จะเริ่มผลิตโมเดลใหม่ที่ราคาถูกลงในต้นปี 2025 ซึ่งใข้สายการผลิตเดียวกับโมเดลปัจจุบัน

ที่มา รายงานผลประกอบการรายไตรมาสของ Alphabet, Amazon, Apple, Meta, Microsoft, และ Tesla

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT