การเงิน

GMM Music IPO  ลุยตลาดหุ้น! ผู้นำ New Music Economy ไทย

28 ต.ค. 67
GMM Music IPO  ลุยตลาดหุ้น! ผู้นำ New Music Economy ไทย

วงการเพลงไทยคึกคัก! GMM Music ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในเครือ GMM Grammy ประกาศเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ  พร้อมระดมทุนเพื่อสานต่อความสำเร็จและสร้าง New Music Economy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

GMM Music IPO  ลุยตลาดหุ้น! ผู้นำ New Music Economy ไทย

GMM Music บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ในเครือ GMM Grammy ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการยื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO จำนวน 228.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกโดย GMM Music เอง และหุ้นสามัญเดิมที่ GRAMMY ถืออยู่

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระคืนเงินกู้ ขยายกำลังการผลิตเพลง และลงทุนในกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ทำหน้าที่เป็นทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ในครั้งนี้

คุณภาวิต จิตรกร  ซีอีโอแห่ง GMM Music เผยว่า เป็นการวางรากฐานที่สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมในการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการแยกตัวออกมาเป็นอิสระในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความชัดเจนให้กับธุรกิจ  และขับเคลื่อนแผนการสร้าง  "New Music Economy" ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ล่าสุด  GMM Music ได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  โดยเตรียมเสนอขายหุ้น  IPO  จำนวนไม่เกิน  228,800,000  หุ้น  ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน  คือ

  • หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกโดย GMM Music จำนวนไม่เกิน 80,000,000 หุ้น
  • หุ้นสามัญเดิมที่ GRAMMY ถือครองอยู่ จำนวนไม่เกิน 148,800,000 หุ้น

รวมแล้วคิดเป็นสัดส่วน  26%  ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO  ในครั้งนี้

GMM Music ระดมทุน ลุย 4 แผน เสริมแกร่งธุรกิจเพลง

GMM Music  วางแผนนำเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปใช้  4  ด้านหลัก  ดังนี้

  1. ลงทุนในเสียงเพลง:  เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเพลงคุณภาพ  ส่งตรงถึงแฟนๆ  ผ่านแพลตฟอร์ม Music Streaming  ต่างๆ  พร้อมทั้งเฟ้นหา  และพัฒนาศิลปินหน้าใหม่  รวมถึงขยายฐาน Music Festival  ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
  2. ผนึกกำลังพันธมิตร:  เพื่อต่อยอดความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลก  แลกเปลี่ยนองค์ความรู้  และสร้างสรรค์รูปแบบความบันเทิงใหม่ๆ  ที่ตอบโจทย์ผู้ชมยุคดิจิทัล
  3. เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน:  เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม  ลดภาระดอกเบี้ย  และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
  4. คว้าโอกาสใหม่:  เพื่อเสริมสภาพคล่อง  ลดการพึ่งพาเงินกู้  และเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ  ในอนาคต

GMM Music ผนึกกำลังยักษ์ใหญ่ TME, Tencent, Warner Music รุกตลาดโลก

GMM Music ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่แค่ในประเทศ แต่ยังเดินหน้าสร้างพันธมิตรระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันบริษัทสู่การเป็น The Next Asia's Dragon ในอุตสาหกรรมดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป (TME) และ เทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (TENCENT) หรือแม้แต่การร่วมทุนกับ วอร์เนอร์ มิวสิค กรุ๊ป คอร์ป (WMGC) จากสหรัฐอเมริกา ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับวงการเพลงไทย

นอกจากนี้ GMM Music ยังเสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยการร่วมทุนกับค่ายเพลง แอลดีเอช (LDH) จากญี่ปุ่น ก่อตั้ง จี แอนด์ แอลดีเอช จำกัด (G&LDH) เพื่อพัฒนาศิลปินร่วมกัน รวมถึงการสร้าง วายจีเอ็มเอ็ม จำกัด (YGMM) ร่วมกับ วายจี (YG) จากเกาหลี เพื่อเฟ้นหาและฝึกฝนศิลปินหน้าใหม่ สำหรับความร่วมมือเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ GMM Music ในการสร้าง New Music Economy ให้เกิดขึ้นจริง และเตรียมพร้อมรับมือกับ Music Second Wave Boom หรือยุคทองระลอกที่สองของอุตสาหกรรมดนตรีโลก

สิ่งที่ทำให้ GMM Music โดดเด่นกว่าใคร คือ การเป็นบริษัท Music Pure Play เพียงรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ดำเนินธุรกิจด้านเพลงแบบครบวงจร ครอบคลุม 7 กลุ่มธุรกิจหลัก ตั้งแต่การค้นหาและพัฒนาศิลปิน การผลิตเพลง การบริหารค่าย ไปจนถึงการทำการตลาด โดยมี 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่เป็นหัวหอกในการสร้างรายได้ คือ กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมิวสิค กลุ่มธุรกิจโชว์บิซ และกลุ่มธุรกิจบริหารศิลปิน

GMM Music กำไรพุ่ง! รายได้ทะลุ 3,900 ล้านบาท

คุณฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด GMM Music  กล่าวเสริมถึงผลประกอบการของบริษัทว่า GMM Music  มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง  โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 1,838.28 ล้านบาทในปี  2564  เป็น  3,072.90 ล้านบาทในปี  2565  และพุ่งขึ้นไปแตะ 3,912.75  ล้านบาทในปี  2566

"กำไรสุทธิยังเติบโตอย่างโดดเด่น  โดยเพิ่มขึ้นจาก 80.16  ล้านบาทในปี  2564  เป็น 304.58  ล้านบาทในปี  2565 และ  402.81  ล้านบาทในปี  2566 ตามลำดับ สำหรับครึ่งปีแรกของปี  2567 ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม" คุณฟ้าใหม่กล่าว พร้อมเผยตัวเลขรายได้ที่ 1,796.18  ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก  1,719.73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

คุณฟ้าใหม่ เชื่อมั่นว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพของธุรกิจเพลง  (Music Pure Play)  และกลยุทธ์การบริหารจัดการที่ดี  ซึ่งจะทำให้  GMM Music  สามารถรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน  และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคต

สรุป การเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ GMM Music ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและวิสัยทัศน์ขององค์กร  ซึ่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจเพลงไทยสู่ระดับสากล  การระดมทุนครั้งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน  พัฒนาศิลปิน  และขยายธุรกิจ  เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็น The Next Asia's Dragon  และผู้นำ  New Music Economy  แห่งอุตสาหกรรมดนตรีในอนาคต

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT