การเงิน

วิธีบริหารเงินในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง ด้วย 5 สูตรคำนวนทางการเงิน 

23 ก.ย. 67
วิธีบริหารเงินในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง ด้วย 5 สูตรคำนวนทางการเงิน 

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น และการเป็นหนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ การดูแลสุขภาพทางการเงินของตัวเองให้แข็งแรงอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้ว การมีวินัยและความเข้าใจในการบริหารเงินเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ 5 อัตราส่วนทางการเงินสำคัญที่จะช่วยให้คุณประเมินสถานะทางการเงินของคุณได้อย่างชัดเจน และนำไปสู่การวางแผนและจัดการเงินของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ แม้ในยุคที่การเงินเต็มไปด้วยความท้าทายเช่นนี้

วิธีบริหารเงินในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง ด้วย 5 สูตรคำนวนทางการเงิน

วิธีบริหารเงินในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง ด้วย 5 สูตรคำนวนทางการเงิน 

ในโลกที่การเงินส่วนบุคคลมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ การทำความเข้าใจและบริหารจัดการเงินของคุณอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น การมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิต ตั้งแต่การซื้อบ้าน การศึกษาต่อ ไปจนถึงการเกษียณอย่างสุขสบาย และยังช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคง

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 5 อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ จากทาง Krungsri Simple ที่มาแชร์ไอเดียที่เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่ความมั่งคั่งทางการเงินในระยะยาว เราจะเจาะลึกความหมายของแต่ละอัตราส่วน พร้อมยกตัวอย่างเพื่อให้คุณเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการการเงินของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวชี้วัดทางการเงิน วิธีคำนวณ เกณฑ์แนะนำ คืออะไร?
สภาพคล่องพื้นฐาน สินทรัพย์สภาพคล่อง / รายจ่ายต่อเดือน 3-6 เดือน
มีเงินสำรองฉุกเฉินทั้งหมดกี่เดือน
หนี้สินต่อสินทรัพย์ หนี้สิน / สินทรัพย์ < 50%
มีหนี้มากกว่าสินทรัพย์ที่มีไหม?
ความสามารถในการชำระหนี้ จำนวนหนี้ที่ต้องจ่าย / รายได้ < 35-40%
มีจำนวนหนี้ที่ต้องจ่ายมากเกินไปไหม?
ความมั่งคั่ง รายได้จากสินทรัพย์ / รายจ่าย > 50%
มีอิสรภาพทางการเงินไหม?
การออมเงิน เงินออม / รายรับทั้งหมด > 10%
มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งไหม?

1. สภาพคล่องพื้นฐาน: ร่มฉุกเฉินเพื่อความอุ่นใจ

อัตราส่วนนี้บ่งบอกถึงความสามารถในการรับมือกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในยามฉุกเฉิน คำนวณจาก สินทรัพย์สภาพคล่อง หารด้วย รายจ่ายต่อเดือน ค่าที่แนะนำคือควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3-6 เดือน

ลองนึกภาพว่าคุณต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงานกะทันหัน หรือเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล หากคุณมีเงินสำรองเพียงพอ คุณก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองมากนัก

2. หนี้สินต่อสินทรัพย์: เส้นแบ่งระหว่างความมั่งคั่งและภาระ

อัตราส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงสัดส่วนของหนี้สินที่คุณมีเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทั้งหมด คำนวณจาก หนี้สิน หารด้วย สินทรัพย์ ค่าที่เหมาะสมคือไม่ควรเกิน 50%

ลองจินตนาการว่าคุณมีบ้านมูลค่า 2 ล้านบาท แต่ยังมีภาระผ่อนบ้านเหลืออยู่ 1 ล้านบาท นั่นหมายความว่า 50% ของมูลค่าบ้านของคุณยังเป็นของธนาคารอยู่ การรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับต่ำจะช่วยให้คุณมีอิสระทางการเงินมากขึ้น

3. ความสามารถในการชำระหนี้: บ่งบอกวินัยทางการเงิน

อัตราส่วนนี้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ คำนวณจาก จำนวนหนี้ที่ต้องจ่าย หารด้วย รายได้ ค่าที่แนะนำคือไม่ควรเกิน 35-40%

หากคุณมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท และมีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และหนี้บัตรเครดิต รวมกันเดือนละ 15,000 บาท นั่นหมายความว่า 50% ของรายได้ของคุณถูกใช้ไปกับการชำระหนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการออมและการลงทุน

4. ความมั่งคั่ง: เส้นทางสู่ อิสรภาพทางการเงิน

อัตราส่วนนี้บ่งชี้ถึงศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่งในอนาคต คำนวณจาก รายได้จากสินทรัพย์ หารด้วย รายจ่าย ค่าที่แนะนำคือควรมากกว่า 50%

ลองคิดดูว่าคุณมีเงินลงทุนในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ให้คุณเดือนละ 20,000 บาท ในขณะที่รายจ่ายของคุณอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน นั่นหมายความว่าคุณยังต้องพึ่งพารายได้จากการทำงานเป็นหลัก การเพิ่มรายได้จากสินทรัพย์ให้สูงกว่ารายจ่ายจะช่วยให้คุณเข้าใกล้อิสรภาพทางการเงินมากขึ้น

5. การออมเงิน: วินัยสู่ความมั่งคั่ง

อัตราส่วนนี้วัดความสม่ำเสมอในการออมเงินของคุณ คำนวณจาก เงินออม หารด้วย รายรับทั้งหมด ค่าที่แนะนำคือควรมากกว่า 10%

การออมเงินอย่างสม่ำเสมอเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความมั่งคั่ง แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยในแต่ละเดือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงินออมเหล่านี้จะเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้น

สุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงสร้างได้ด้วยตัวเรา

วิธีบริหารเงินในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง ด้วย 5 สูตรคำนวนทางการเงิน

สำหรับแนวทางทั้ง 5 อัตราส่วนทางการเงินที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานภาพทางการเงินของตนเองได้อย่างครอบคลุม และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงและวางแผนกลยุทธ์ทางการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของคุณ การทำความเข้าใจและติดตามอัตราส่วนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของฐานะการเงินของคุณ และสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น

การมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางแผน การจัดการ และวินัยอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นสร้างนิสัยทางการเงินที่ดีตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงและปลอดภัยทางการเงินของคุณ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT