ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทาย รัฐบาลได้ประกาศโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 เพื่อช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ มาตรการนี้มุ่งหวังที่จะบรรเทาภาระค่าครองชีพ เพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการฯ ทั้งในส่วนของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ พร้อมทั้งช่องทางการตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
ไม่ได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท บัตรคนจนและผู้พิการ ต้องทำอย่างไร
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 สำหรับบัตรคนจนและคนพิการ เช็คสิทธิที่นี่
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจประจำปีงบประมาณ 2567 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 โดยจัดสรรเงินช่วยเหลือแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและบรรเทาภาระค่าครองชีพ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าโครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเชื่อมั่น โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มประชาชนผู้ด้อยโอกาสเป็นลำดับแรก
รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้พิการ
รัฐบาลตระหนักถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2567 ซึ่งมีความท้าทายอย่างยิ่ง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและต่ำกว่าศักยภาพ ประกอบกับปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ภาวะชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร การลดลงของความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและผู้บริโภค และระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ล้วนส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้พิการ
ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดังกล่าว เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน เพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวมได้อย่างทันท่วงที โดยมีสาระสำคัญของโครงการฯ ดังนี้
1. โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รัฐบาลได้ประกาศโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญในปี 2567 โดยมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนกว่า 12.4 ล้านราย เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โครงการนี้จะมอบเงินสนับสนุนจำนวน 10,000 บาทต่อท่าน เพื่อให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการช่วยเหลือโดยตรงแก่ประชาชนแล้ว โครงการนี้ยังมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ คาดการณ์ว่าเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจต่างๆ และเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว สำหรับโครงการนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้
- กลุ่มแรก คือ ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ที่ได้ยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้วตามฐานข้อมูลของกระทรวงการคลัง และไม่เป็นคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามฐานข้อมูลของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
- กลุ่มที่สอง คือ ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ที่ได้ e-KYC สำเร็จแล้ว เป็นคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการที่หมดอายุ ตามฐานข้อมูลของ พก. พม.
- กลุ่มสุดท้าย คือ ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ที่ได้ e-KYC สำเร็จแล้ว เป็นคนพิการที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ ตามฐานข้อมูลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา แต่ไม่อยู่ในฐานข้อมูลของ พก. พม.
อย่างไรก็ตาม บุคคลที่พำนักอยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะไม่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการนี้ โดยจะใช้ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาสิทธิ์ นี่เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
2. โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ
รัฐบาลเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านการสนับสนุนคนพิการกว่า 2.15 ล้านคน ด้วยเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทต่อคน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ และเสริมสร้างศักยภาพของกลุ่มคนพิการที่อาจมีความเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม โครงการนี้มุ่งหวังให้คนพิการมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์โดยตรงแก่กลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย
เงินช่วยเหลือนี้จะถูกส่งมอบผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทางรับเงินเบี้ยความพิการสำหรับผู้ที่มีข้อมูลอยู่ในระบบ และบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนสำหรับผู้ที่ไม่มีข้อมูลในระบบเบี้ยความพิการ โครงการครอบคลุมคนพิการหลากหลายกลุ่ม ได้แก่
- ผู้ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการที่ยังไม่หมดอายุ
- ผู้ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการที่หมดอายุ แต่ดำเนินการต่ออายุภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567
- ผู้ที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ แต่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ และดำเนินการทำบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567
- ผู้ที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ แต่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน (e-KYC) ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 และดำเนินการทำบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้ โครงการนี้จะไม่รวมถึงคนพิการที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และจะใช้ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาสิทธิ์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รัฐบาลหวังว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเอื้ออาทรต่อทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนพิการที่อาจต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติอย่างเต็มศักยภาพ
แจ้งกำหนดการจ่ายเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง จะทยอยจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิ์ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ทั้งผู้พิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ตามรายละเอียดดังนี้
- 25 กันยายน 2567: ผู้พิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 0
- 26 กันยายน 2567: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 1, 2 หรือ 3
- 27 กันยายน 2567: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 4, 5, 6 หรือ 7
- 30 กันยายน 2567: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 8 หรือ 9
ทั้งนี้ หากการจ่ายเงินไม่สำเร็จในครั้งแรก ไม่ต้องกังวล ทางกรมบัญชีกลางได้เตรียมการจ่ายเงินซ้ำอีก 3 ครั้ง ภายในวันที่ 22 ตุลาคม, 22 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคม 2567 ตามลำดับ เพื่อให้ทุกท่านได้รับเงินช่วยเหลืออย่างแน่นอน หากยังไม่สามารถจ่ายเงินได้หลังจากการดำเนินการซ้ำครั้งที่ 3 แล้ว จะถือว่าท่านสละสิทธิ์ในการรับเงินตามโครงการนี้
หมายเหตุ: "ผู้พิการ" หมายถึง ผู้ที่มีสิทธิ์ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านคนพิการ "ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หมายถึง ผู้ที่มีสิทธิ์ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอให้ทุกท่านตรวจสอบข้อมูลและเตรียมความพร้อมเพื่อรับเงินตามกำหนด
รองนายกฯ มั่นใจโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยลดค่าครองชีพ-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะมอบเงิน 10,000 บาท ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายถึง 14.55 ล้านคน เพื่อนำไปใช้จ่ายตามความจำเป็น ไม่จำกัดร้านค้า ช่วยทั้งลดภาระค่าครองชีพ และเพิ่มโอกาสในการใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ เงินจำนวนมหาศาลถึง 145,552.40 ล้านบาท ที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นการบริโภค สร้างเม็ดเงินหมุนเวียน และผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2567 เติบโตได้ถึง 0.35% เมื่อเทียบกับหากไม่มีโครงการนี้
ที่สำคัญ เมื่อประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น จะเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การค้าขาย การจ้างงาน หรือแม้แต่การคมนาคมขนส่ง ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐในอนาคต
ย้ำ! ตรวจสอบพร้อมเพย์-บัตรคนพิการ
รองนายกฯ ยังเน้นย้ำให้ผู้มีสิทธิ์ทุกคนตรวจสอบบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนว่ายังใช้งานได้หรือไม่ หากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ขอให้รีบดำเนินการ
สำหรับคนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ หรือบัตรหมดอายุ ต้องดำเนินการทำบัตรหรือต่ออายุให้เรียบร้อยภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิ์ตามโครงการนี้
ช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงินในโครงการ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
- เว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th
- เว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th
- เว็บไซต์ https://govwelfare.dep.go.th/check (เฉพาะคนพิการ)
- แอปพลิเคชัน "รัฐจ่าย" (โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง)
- ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทร. 0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 นับเป็นความพยายามของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้พิการให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันจะยังคงมีความท้าทาย แต่ความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
ขอให้ผู้มีสิทธิ์ทุกท่านตรวจสอบสิทธิ์และเตรียมความพร้อมเพื่อรับเงินช่วยเหลือตามโครงการฯ และขอให้ทุกท่านใช้จ่ายเงินอย่างมีสติและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มาตรการนี้บรรลุวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง