งานสายเทค นับเป็นที่ทั้งมีรายได้ที่น่าชื่นใจ และค่อนข้างให้อิสระในการทำที่ไหนก็ได้ แต่มีกำแพงขนาดใหญ่ ก็คือ การต้องเข้าใจภาษาคอมพิวเตอร์ หลักคิดในการเขียน ลำดับการทำงานของแต่ละโปรแกรม ฯลฯ ซึ่งคนที่จบมาจากสายวิทยาศาสตร์คอมพิเตอร์ หรือวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ถูกฝึกมาอย่างดี และมักจะจับจองตำแหน่งงานสายนี้ไป
แต่เมื่อ AI มาถึง กำแพงเหล่านี้ก็อาจถูกทลายลงไป โดย ‘ผู้บริหารสายงาน AI ของ IBM’ Matthew Candy เผยว่า ในอนาคตอันใกล้ คนที่อยากเข้าทำงานในสายเทค อาจไม่ต้องใช้ใบปริญญาสายวิทย์คอม เพราะจะต้องอาศัยทักษะที่สำคัญกว่าใบปริญญา นั่นคือ ‘Critical Thinking’ หรือทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ เพราะ AI จะมาช่วยทำให้การสร้างผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีต่างๆ ง่ายขึ้น อาศัยทักษะเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีน้อยลง
“ความเร็วในการคิดไอเดียใหม่ๆ ทดสอบไอเดียเหล่านั้น และสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงาน จะถูกเร่งด้วย AI” ผู้บริหาร IBM ให้สัมภาษณ์กับ Fortune เขายังเสริมอีกว่า ทักษะที่จำเป็นมากกว่าในโลกอนาคต คือ ทักษะที่ถูกมองว่าเป็น Soft Skill อย่างทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และการคิดอย่างสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
“คุณไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญาเฉพาะทาง ก็สามารถทำได้”
นาย Candy กล่าวว่า การตั้งคำถาม ทักษะด้านความคิดสร้างสสรค์ และนวัตกรรมจะกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคหน้า เพราะ AI จะแบ่งเบาภาระให้กับสมองเรา ไว้เอาไปคิดงานสร้างสรรค์ได้มากขึ้น
นอกจากในสายเทคแล้ว คนในสายงานศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ ก็จะได้รับผลกระทบจากการมาของ AI ด้วย คนที่จะทำงานในสายงานดีไซเนอร์ อาจไม่ถูกจำกัดด้วยปริญญาด้านศิลปศาสตร์ หรือถูกจำกัดไว้เฉพาะอาชีพด้านกราฟฟิกดีไซน์เสมอไป
นอกจากผู้บริหารของ IBM คนนี้แล้ว รองประธานของ LinkedIn Aneesh Raman ยังเคยได้ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ของ Microsoft ว่า เขาคาดหวังว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI จะยิ่งไฮไลต์ความสำคัญของ Soft Skill มากกว่า Hard Skill
“ปริญญาที่ร่ำเรียนกันมา จะยิ่งบูดเร็วขึ้นอยากมาก”
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเข้ามาแทนที่มนุษย์ของ AI ในโลกการทำงานมีมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว รายงานของ Goldman Sachs เผยว่า อาชีพกว่า 300 ล้านตำแหน่ง อาจถูกแทนที่ด้วย AI ทางฝั่งของ IBM ก็เคยระบุว่าจะหยุดจ้างงานเพิ่ม ในบางตำแหน่งที่ AI อาจมาแทนที่ได้ โดย Arvind Krishna ซีอีโอของ IBM เคยให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า งานหลังบ้านกว่า 30% ของบริษัทกำลังจะถูกแทนที่โดย AI ภายใน 5 ปี
ที่มา : Business Insider