อินไซต์เศรษฐกิจ

Zipmex มองไทยเสียโอกาสพัฒนา กฎเหล็กใหม่ ก.ล.ต. คุมธุรกิจคริปโทฯ

3 มี.ค. 65
Zipmex มองไทยเสียโอกาสพัฒนา กฎเหล็กใหม่ ก.ล.ต. คุมธุรกิจคริปโทฯ

"เอกลาภ ยิ้มวิไล" มีมุมมองกฎเหล็กใหม่ ก.ล.ต. ห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนำทรัพย์สินลูกค้าไปใช้หาดอกผล ทำไทยเสียโอกาสพัฒนานวัตกรรมการเงิน หลังต่างประเทศอนุญาตให้ทำได้แล้วนำหน้าไทย แต่ไม่กระทบธุรกิจ "ซิปเม็กซ์" เพราะบริษัทไม่ได้การนำทรัพย์สินของลูกค้าในไทยนำไปใช้หาดอกผลอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ

 
 
 
ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "SPOTLIGHT" ว่า กรณีที่ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกเกณฑ์ประกาศห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. นำทรัพย์สินหรือเงินของลูกค้าไปใช้หาดอกผลด้วยวิธีการอื่นนอกจากฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์นั้น
 
 
บริษัทขอชี้แจงว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ดังกล่าวนี้ เพราะปัจจุบันบริษัทไม่ได้การนำทรัพย์ของลูกค้าในประเทศไทยนำไปใช้หาดอกผลอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ ส่วนบริการของโปรแกรม ZipUp ของ คือการฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ลูกถือครองเอาไว้กับ Zipmex เพื่อรับโบนัสจากการฝาก คล้ายกับบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัล
 
 
ซึ่งเหรียญหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถทำการฝากได้นั้นมีทั้ง Bitcoin, Litecoin, Ethereum, Tether USD, USD Coin, Zipmex Token หรือ ทองคำ ซึ่งบริษัทได้ให้ผลตอบแทนหรือโบนัสกับลูกค้าไทยนั้นจะแบ่งมาจากกำไรที่ได้จากการนำเงินหรือเงินสกุลดิจิทัลของลูกค้าในต่างประเทศที่กลุ่มซิปเม็กซ์ทำธุรกิจอยู่แล้วเพราะกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ทั้งในสิงคโปร์กับออสเตรเลียที่ลูกค้ามีความนิยมนำเงินหรือเงินสกุลดิจิทัลมาฝากไว้กับบริษัทเพื่อสร้างดอกผลหรือผลตอบแทน
 
 
โดยปัจจุบันแหล่งรายได้สำคัญและยังสร้างกำไรได้ในระดับที่ดีของกลุ่มซิปเม็กซ์ทั้งในและต่างประเทศรวมกันซึ่งมีรายได้ประมาณ 60% ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากการให้บริการศูนย์กลางการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอีกประมาณ 40%
 
 
 
"ปัจจุบันกลุ่มซิปเม็กซ์ดำเนินธุรกิจใน 3 ธุรกิจคือ 1.ศูนย์กลางการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 2.นำเงินฝากหรือคริปโทเคอร์เรนซีของลูกค้าไปใช้หาดอกผล 3.ให้บริการในการนำคริปโทเคอร์เรนซีไปใช้ชำระซื้อสินค้า แต่การทำธุรกิจในประเทศไทยนั้่น ปัจจุบันบริษัททำเฉพาะศูนย์กลางการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลธุรกิจเท่านั้นตามที่กฎหมายอนุญาต
 
 
เราไม่ได้มีการนำทรัพย์ของลูกค้าในไทยไปหาดอกผลอยู่แล้ว แต่กลุ่มซิปเม็กซ์ใช้วิธีการแบ่งกำไรที่ได้มาจากการนำเงินฝากหรือคริปโทเคอร์เรนซีของลูกค้าในต่างประเทศไปใช้หาดอกผลในต่างประเทศหรือรายได้อื่นๆ ด้วยเพื่อนำมาเป็นโบนัสให้กับลูกค้าในไทยที่เข้าโปรแกรม ZipUp
 
 
ซึ่งเราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ก.ล.ต. น่าจะห้ามให้ทำในเรื่องนี้ ส่วนธุรกิจให้บริการในการนำคริปโทเคอร์เรนซีไปใช้ชำระซื้อสินค้าบริษัทนั้นบริษัทจะเริ่มทำในปีนี้ในต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับ VISA ทำเดบิตการ์ดกับลูกค้าที่มีบัญชีคริปโทเคอร์เรนซีสามารถนำไปรูดซื้อสินค้าได้ ส่วนเกณฑ์ใหม้่ของ ก.ล.ต. ที่เพิ่งประกาศออกมาก็ไม่ได้กระทบแผนของกลุ่มซิปเม็กซ์ที่จะต้องการจะเป็น cryptocurrency bank ในภูมิภาค" ดร.เอกลาภ กล่าว
 
 
นอกจากนี้มีมุมมองว่ากรณีที่ ก.ล.ต.ได้ออกเกณฑ์ประกาศห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนำทรัพย์สินหรือเงินของลูกค้าไปใช้หาดอกผลจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมการเงิน(Financial Innovation) ของประเทศไทยให้ช้าลงเมื่อเปรียบกับประเทศที่มีการอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำในเรื่องดังกล่าวได้แล้ว และประเทศไทยจะไม่ได้ใช้ประโยชยน์จากการมี DeFi(Decentralized Finance) ด้วย
 
 
"เกณฑ์ ก.ล.ต.ที่ออกมาเป็นเรื่องที่เสียดายโอกาสอีกแล้วที่จะนำ Financial Innovation ใหม่ๆ อย่าง DeFi มาใช้ประโยชน์กับส่วนรวมของไทยเป็นอุปสรรคและข้อจำกัดในการพัฒนาในเรื่องนี้ให้ช้าลงเมื่อเปรียบกับต่างประเทศที่เขาได้อนุญาตแล้วได้ใช้งานไปก่อนเราแล้ว" ดร.เอกลาภ กล่าว
 
 
 
 
 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT