บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)(OR) หรือ 'โออาร์' เป็นบริษัทในเครือ ปตท. ที่ทำธุรกิจสถานีบริการเติมน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non Oil) ทั้งในและต่างประเทศโออาร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเดือน ก.พ. 2564 เริ่มเห็นการขยับรุกหนักขยายไปลงทุนในธุรกิจ Non Oil มากขึ้น
ปัจจุบันเปลี่ยนนิยามใหม่มาเป็น Lifestyle มีธุรกิจอย่างเช่น ธุรกิจกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่ ส่วนกลุ่ม Oil เดิมก็เปลี่ยนนิยามใหม่มาเป็น Mobility เพราะต้องการขยายธุรกิจออกไปจากกรอบเดิมที่เคยทำ เช่น กลุ่มธุรกิจ Innovation ด้านอาหาร, ธุรกิจสตาร์อัพ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์อีวี เป็นต้น
ผลการดำเนินงานปี 2562-2565
- ปี 2562 มีรายได้ 583,209 ล้านบาท มีกำไร 10,896 ล้านบาทปี
- ปี 2563 มีรายได้ 432,849.96 ล้านบาท มีกำไร 8,791 ล้านบาท
- ปี 2564 มีรายได้ 515,280 ล้านบาท มีกำไร 11,474 ล้านบาท
- ไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้ 178,207 ล้านบาท มีกำไร 3,845 ล้านบาท
หลังเข้าไปอยู่ในตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2564 เริ่มเห็น OR ขยับรุกหนักมากขึ้นอย่างชัดเจนในการหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งรูปแบบการร่วมทุน, การเข้าไปถือหุ้นบางส่วน ในธุรกิจที่อยู่ในกลยุทธ์การเติบโตของ OR โดยในปี 2563-2565 ทุ่มเงินมากกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อสร้างพันธมิตรธุรกิจใหม่ๆ
สรุปพันธมิตรธุรกิจใหม่ของ OR ปี 2563-2565
- ใช้เงินลงทุน 172 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 65% ในบริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม กาแฟครบวงจรในประเทศไทย โดยเป็นทั้งผู้จัดหา ผลิต และจัดจำหน่ายเมล็ดกาแฟ และอุปกรณ์ส้าหรับการเปิดร้าน กาแฟ รวมถึงให้บริการดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟให้กับผู้ประกอบการทังในและต่างประเทศ รวมทั้งประกอบธุรกิจร้านกาแฟประเภท Specialty coffee ภายใต้แบรนด์ Pacamara ปัจจุบันมี 17 สาขา
- ใช้เงินลงทุน 498 ล้านบาท ซื้อหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 20% ใน บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท ซึ่งดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” มีจุดเด่นในเรื่องความสดใหม่ของผักที่ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ และส่งตรงจากฟาร์มผักขนาดใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ บริษัทได้ตั้งเป้าขยายสาขาร้านโอ้กะจู๋เพิ่มเติมในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวมถึงการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Café Amazon ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และภาคเหนือ ปัจจุบันมี 21 สาขา
- ใช้งบลงทุน 480 ล้านบาท ซื้อหุ้น 25% ใน บริษัท คามุ คามุ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “คามุ ที” แบรนด์เครื่องร้านชานมไข่มุกของคนไทย มีความหลากหลายของเครื่องดื่ม ต่อยอดธุรกิจตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบดื่มชาและเครื่องดื่มไลฟ์สไตล์ เป็นไปตามกลยุทธ์ในการพัฒนา พีทีที สเตชั่น เป็น Living Community เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมี 5 สาขาใน พีทีที สเตชั่น
จับมือพาร์ทเนอร์ใหญ่ลุย 'ไพรเวท อิควิตี้ '
- ใส่เงินลงทุนจำนวน 290 ล้านบาท ในการระดมทุนรอบกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-commerce และเป็นบริษัทแม่ของ Flash Express ผู้ให้บริการด้านขนส่งเอกชน รอบซีรีย์ D+ และ ซีรีย์ E โดยมีพันธมิตรที่ร่วมลงทุนในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ eWTP, บริษัท เดอเบล จำกัด (Durbell) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP, บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด (Krungsri Finnovate)
- ตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมทุนใหม่ คือ ORBIT Digital เพื่อทำธุรกิจด้านดิจิทัล ทั้งนวัตกรรม IT และ Big Data โดยใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท โดย OR จะถือหุ้น 40% ร่วมกับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีซึ่งถือหุ้นอีก 60%
- ตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท โกลเบิลแอโร่แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) มีทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท โดย OR ถือหุ้นสัดส่วน 45% ร่วมกับบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BAFS ถือหุ้นสัดส่วน 55% สำหรับโครงการเช่าที่ดินราชพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรกประมาณ 2,300 ล้านบาท เพื่อให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานภายในสนามบินอู่ตะเภา สอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานานชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3
- ใช้เงินลงทุน เงินลงทุน 192 ล้านบาท ซื้อหุ้นสัดส่วน 25% ของบริษัท อิ่มทรัพย์ โกลบอล คูซีน(ISGC) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้าน Kouen Sushi Bar แบรนด์ Ono sushi เสริมสร้างศักยภาพในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของ OR รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมี 3 สาขาใน พีทีที สเตชั่น
- ใช้ เงินลงทุน192 ล้านบาท 480 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 25% ใน บริษัท คามุ คามุ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “คามุ ที” แบรนด์เครื่องร้านชานมไข่มุกของคนไทย ต่อยอดธุรกิจตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบดื่มชาและเครื่องดื่มไลฟ์สไตล์ เป็นไปตามกลยุทธ์ในการพัฒนา พีทีที สเตชั่น เป็น Living Community เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมี 5 สาขาใน พีทีที สเตชั่น
- ร่วมมือกับพันธมิตร 2 องค์กรใหญ่ ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) (SO) ร่วมลงทุนในฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ I กองทุนขนาด 3,000 ล้านบาท มีเป้าหมายเพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งในไทยและอาเซียนที่มีศักยภาพ และอยู่ในระดับซีรี่ส์ A ขึ้นไป กองทุนสตาร์ทอัพกองแรกของไทยที่เปิดรับนักลงทุนจากภายนอก โดยเปิดเสนอขายให้กับนักลงทุนรายบุคคลประเภทรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth Investor: UHNWI) โดยมีกรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุน ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป เป็นผู้จัดการทรัสต์ ดูแล บริหารการลงทุน และคัดเลือกสตาร์ทอัพที่จะเข้าลงทุน ซึ่งจะโฟกัสสตาร์ทอัพใน 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มฟินเทค อีคอมเมิร์ซ และออโตโมทีฟ (ยานยนต์)
- ใช้งบ 483 ล้านบาท เข้าลงทุน freshket แพลตฟอร์มเทคโนโลยีจำหน่ายวัตถุดิบอาหารออนไลน์ หรือ 'ตลาดสดอออนไลน์' แหล่งรวมวัตถุดิบออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2560 เพื่อเป็นศูนย์รวมสินค้าเกษตรและวัตถุดิบคุณภาพจากทั้งเกษตรกรและซัพพลายเออร์ พร้อมคัดวัตถุดิบคุณภาพส่งตรงถึงมือลูกค้ามากกว่า 4,000 รายการ ทั้งกลุ่มร้านอาหาร โรงแรม และครัวเรือน
ตั้งกองทุน 'ออร์ซอน เวนเจอร์ส' ลุยธุรกิจสตาร์ทอัพ
- ตั้งบริษัทร่วมทุน Phnom Penh Aviation Fuel Service Co., Ltd. (PPAFS) ร่วมกับบริษัท Cambodia Airport Investment Company Limited (CAIC) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานการพัฒนาสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญจากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเป็นการมอบสิทธิให้แก่ PPAFS ในการเป็นผู้ประกอบการระบบบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ
- ตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ร่วมกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เพื่อดำเนินการธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่ม โดย OR จะใช้งบลงทุน 210 ล้านบาท
- ใช้งบลงทุน 1,105 ล้านบาท ซื้อหุ้นสัดส่วน 40% บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรม และกิจการร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์ ‘Otteri Wash & Dry’ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 670 สาขา โดยตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเติมทั้งในและนอก PTT Station รวมไปถึงบุกต่างประเทศด้วย
- ร่วมมือกับ กองทุน 500 TukTuks เป็นกองทุนที่สตาร์ทอัพไทย ตั้งกองทุนออร์ซอน เวนเจอร์ส (ORZON Ventures, L.P.) สนับสนุนสตาร์ทอัพใหม่ในระดับซีรีย์ A-B ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้น มีมูลค่าการลงทุนเริ่มแรก 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถเพิ่มมูลค่าการลงทุนเป็นไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในภายหลัง เงินลงทุนขั้นต่ำต่อรายอยู่ที่ 1.5 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 50 ล้านบาท โดยการลงทุนผ่าน ORzon Ventrures = 825 ล้านบาท ได้แก่ Freshket, Gowabi, protomate, pomelo, hangry, carsome