อินไซต์เศรษฐกิจ

สรุปผลรางวัล Oscar 2024 เเละ 8 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรางวัลOscar

11 มี.ค. 67
สรุปผลรางวัล Oscar 2024 เเละ 8 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรางวัลOscar

04

ทราบผลกันเป็นที่เรียบร้อยกับการประกาศรางวัลเก่าแก่ประจำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการภาพยนต์ นั่นก็คือ รางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์ (Academy Awards) หรือที่ทั่วโลกรู้จักในชื่อ รางวัลออสการ์ ครั้งที่ 96 (Oscar 2024)

งานประกาศผลต้นแบบรางวัลตุ๊กตาทองที่ได้มอบให้แก่บุคคลในวงการทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการชั้นนำ ที่มีทั้งความเผ็ดร้อนดราม่า ดาวเด่นแย่งซีน หรือแม้แต่เหตุการณ์โมเมนต์พลิกโผ ที่ทำให้คนดูอย่างเราต้องช็อคกันไปตามๆกัน

แต่นอกเหนือจากผลรางวัลOscar 2024 บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนมารู้จักกับงานประกาศรางวัลที่ทรงอิทธิพลที่ กับ 8 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรางวัลOscar 

8 เรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรางวัล Oscar

1.จุดเริ่มต้นของรางวัล Oscar

จุดเริ่มต้นของรางวัลOscar เกิดขึ้นจากเมื่อปี 1929 เมื่อสถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์ภาพยนตร์ ในสหรัฐอเมริกา (The Academy of Motion Picture Arts and Sciences) อยากจัดงานมอบรางวัล อะคาเดมี อวอร์ดส์  (Academy Awards) เพื่อเป็นเกียรติแก่นักแสดง ผู้กำกับและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐอเมริกา หลังจากสถาบันก่อตั้งมาได้ 2 ปี

academymuseummoitionpictures_

2.ตุ๊กตาทองที่มีการชุบทองคำแท้

ตุ๊กตาทองมีที่มาจาก ชายนักออกแบบที่มีชื่อว่า Cedric Gibbons ซึ่งเป็นผู้กำกับศิลป์ของ MGM และเป็นหนึ่งในสมาชิกเก่าแก่สถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์ภาพยนตร์ โดยร่างแรกที่ได้รับออกแบบคือรูปปั้นอัศวินยืนสง่างามอยู่บนม้วนแผ่นฟิลม์ ที่ได้ต้นแบบรูปมาจาก นักแสดงชาวเม็กซิโกที่ชื่อ Emilio Fernández

หลังจากนั้นจึงส่งไม้ต่อ เข้าสู่การผลิตให้แก่ George Stanley ช่างประติมากรจากลอสแอนเจลิส มาเป็นผู้หล่อรูปปั้น โดยมีการตั้งชื่อว่า ‘The Academy Award of Merit’ (รางวัลสถาบันสำหรับคุณงามความดี)

สำหรับรูปปั้นในเริ่มแรกนั้นมีส่วนผสมของดีบุก 92.5% ทองแดง 7.5% และจบขั้นตอนด้วยการชุบทองคำแท้ ๆ แต่ในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกของเราต้องเจอกับภาวะขาดแคลนโลหะ ทำให้รางวัลตุ๊กตาทองต้องเปลี่ยนส่วนประกอบจากดีบุกผสม ไปใช้ปูนปลาสเตอร์อยู่นานหลายปี

roomtheiconic-oscar7

3.ประกาศรางวัลครั้งที่ 1 ใช้เวลาแค่ 15 นาที กับแขก 270 คน

งานประกาศผลและมอบรางวัลอคาเดมี อวอร์ดส์ ครั้งที่ 1 ถูกจัดเป็นงานกาลาดินเนอร์มีผู้เข้าร่วมงานเพียงแค่ 270 กับการใช้เวลาประกาศผลเพียงแค่ 15 นาที ที่โรงแรมฮอลลีวูด รูสเวลต์  (Hollywood Roosevelt Hotel) บนถนน ฮอลลีวูดบูเลวาร์ด เมืองลอสแอนเจลีส รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์งานออสการ์ที่ไม่มีการถ่ายทอดผ่านสื่อใดๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ หรือแม้แต่ โทรทัศน์

ซึ่งภาพยนต์ยอดเยี่ยมเรื่องแรก นั่นก็คือ Wings ที่ได้เล่าเรื่องเรื่องราวความรักหนุ่มสาวที่เกิดขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 จากผลงานกำกับของ William A. Wellman โดย Wings ถือว่าเป็นภาพยนตร์เงียบ เนื่องจากมีพียงแค่เสียงดนตรีประกอบและไม่มีเสียงตัวละครสนทนา

3_larger_mem_iconic_banquet

4.ค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปีของวงการฮอลลีวูด

รางวัลออสการ์ได้เปิดโอกาสให้ ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนต์ หรือ Movie lovers ได้ชื่นชมผลที่ดีที่สุดแห่งปีของวงการหนัง และสำหรับคนที่ชื่นชอบแฟชั่น ก็จะได้เห็นดารานักแสดงชื่อดังแต่งตัวในชุดที่สุดแสนตระการตา และได้ฟังสุนทรพจน์ที่สุดแสนกินใจ เช่นเดียวกันกับได้เป็นพยานในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดมาก่อนที่อาจเกิดขึ้นบนเวทีแห่งนี้

3_memorable_moment_writing_fr

5.ซองจดหมายปิดผนึก ที่มีเรื่องราว

หากเราดูการประกาศรางวัลออสการ์ในแต่ละปี เราจะสังเกตุว่ารายชื่อผู้ชนะจะอยู่ในซองจดหมายปิดผนึก เนื่องจากเมื่อปี 1940 เคยเกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล เมื่อหนังสือพิมพ์ The LA Times ได้ตีพิมพ์รายชื่อผู้ชนะทั้งหมดของปีนั้น และหนังสือพิมพ์ถูกวางแผงในค่ำคืนนั้นก่อนหน้าที่พิธีมอบรางวัลจะเริ่มขึ้น จนกลายเป็นว่าแขกที่เข้ามาร่วมพิธีมอบรางวัลต่างรู้อยู่แล้ววว่าใครจะเป็นผู้ชนะในแต่ละรางวัล

781_2096_632_3703

6.ดราม่าเวที ที่มีแต่คนขาว #OscarsSoWhite

ย้อนกลับไปบนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ ประจำปี 2015 ผู้ชมจำนวนมากเล็งเห็นว่ารายชื่อผู้เข้าชิงในปีนั้นคับคั่งไปด้วยนักแสดงฮอลลีวู้ดผิวขาวจนขาดแคลนความหลากหลาย ซึ่งสะท้อนถึงภาวะความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นกับนักแสดงผิวดำจึงเกิดเป็นกระแส #OscarsSoWhite ขึ้นในโลกออนไลน์

screenshot2024-03-11191830

7.ดราม่า เพศหญิงที่ถูกลืม

ในงานประกาศรางวัลออสการ์ ประจำปี 2017 ได้เกิดกระแสการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ เนื่องจากผลสำรวจพบว่าสถิติผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2017มีรายชื่อของผู้หญิงเข้าชิงแค่เพียงไม่ถึง 20 %

และในเวลานั้นยังมีการออกมาเปิดเผยถึงรายได้ค่าตัวของนักแสดงฮอลลีวู้ดและอาชีพในวงการบันเทิงระดับโลกว่า “ผู้หญิงจะได้ค่าตัวเฉลี่ยที่น้อยกว่าผู้ชายเสมอ” จุดประกายให้เหล่าผู้ชมรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้เวทีประกาศรางวัลหลายเวทีเปลี่ยนคณะกรรมการพิจารณาใหม่ให้มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

screenshot2024-03-11192132

8.ปรับเกณฑ์การตัดสิน เพิ่มความเท่าเทียม

งานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 หรือออสการ์ 2024 ได้มีการปรับเกณฑ์เพื้อกำหนดมาตรฐานว่า “หนังที่จะเข้าชิงรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมต้องส่งเสริมให้เกิดหลากหลายและความเท่าเทียม ทั้งในจอและนอกจอ ครอบคลุมในทุกมิติตั้งแต่ รสนิยมทางเพศ เพศสภาพ ร่างกาย ชาติพันธุ์ หรือสีผิว”

ซึ่งหนังที่จะเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมต้องเข้าหลักเกณฑ์ 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้

  • ต้องมีนักแสดงหลักอย่างน้อย1 คน หรือนักแสดงสมทบอย่างน้อย 30% ของทั้งหมดเป็นตัวแทนของกลุ่มที่หลากหลาย หรือมีเส้นเรื่องและธีมหลักของหนังที่พูดถึงประเด็นดังกล่าว
  • ความหลากหลายต้องเริ่มตั้งแต่ในกองถ่าย โดยกำหนดว่า สำหรับตำแหน่งหัวหน้าในด้านต่างๆ ต้องมีอย่างน้อย 2 คน ที่เป็นตัวแทนสะท้อนถึงความหลากหลายและเท่าเทียม รวมถึงทีมงานอย่างน้อย 30% ของกองถ่าย ต้องสะท้อนถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน
  • กลุ่มเด็กฝึกงาน หรือคนในกองถ่ายต้องงมีความหลากหลาย
  • การโฆษณาหรือการตลาดต้องสะท้อนถึงความหลากหลายและเท่าเทียม02

สรุปผลรางวัลออสการ์ 2024

  • รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม (Best Actor) 

ได้แก่ คิลเลียน เมอร์ฟีย์ จาก Oppenheimer

  • รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Best Actress) 

ได้แก่ เอ็มมา สโตน จาก Poor Things

  • รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) 

ได้แก่  โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ จากภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer

  • รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Supporting Actress) 

ได้แก่ เดไวน์ จอย แรนดอล์ฟ จาก The Holdovers

  • รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) 

ได้แก่ Oppenheimer

  •  รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม (Best Director) 

ได้แก่ คริสโตเฟอร์ โนแลน จาก Oppenheimer

  •  รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Original Screenplay) 

ได้แก่ Anatomy of a Fall โดย จัสตีน ตรีเย

  • รางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (Best Adapted Screenplay) 

ได้แก่ American Fiction โดย คอร์ด เจฟเฟอร์สัน

  • รางวัลตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Film Editing) 

ได้แก่ Oppenheimer

  • รางวัลออกแบบเสียงยอดเยี่ยม (Best Sound) 

ได้แก่ The Zone of Interest : Tarn willers and johnnie burn

  • รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม (Best Animated Feature)  

ได้แก่ The Boy and the Heron

  • รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม (Best Animated Short) 

ได้แก่ War Is Over! Inspired by the Music of John & Yoko

  • รางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม (Best Documentary Feature)

 ได้แก่ 20 Days in Mariupol

  • รางวัลภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นยอดเยี่ยม (Best Documentary Short) 

ได้แก่ The Last Repair Shop

  • รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best International Feature) 

ได้แก่ The Zone of Interest (สหราชอาณาจักร)

  • รางวัลการออกแบบโปรดักชั่นยอดเยี่ยม (Best Production Design) 

ได้แก่  Poor Things

  • รางวัลการถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Best Cinematography) 

ได้แก่ Oppenheimer

  • รางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (Best Costume Design) 

ได้แก่ Poor Things

  • รางวัลการแต่งหน้า-ออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม (Best Makeup and Hairstyling) 

ได้แก่ Poor Things

  • รางวัลเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม (Best Visual Effects) 

ได้แก่ Godzilla Minus One

  • รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Song)

 ได้แก่ เพลง “What Was I Made For?” จาก Barbie

  • รางวัลเพลงบรรเลงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Score) 

ได้แก่  Oppenheimer

อ้างอิง 

Baanlaesuan

theguardian

Vogue

Asia Reader Digest 

BBC 

Oscar

advertisement

SPOTLIGHT