เนื้อหมูอาหารหลักของคนไทย กำลังเผชิญอนาคตที่ไม่แน่นอน เมื่อราคาเนื้อหมูมีแนวโน้ม ขาลง อย่างต่อเนื่อง เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรถึงทางตัน บทความนี้ จะพาคุณไปสำรวจสถานการณ์ปัจจุบันของ อุตสาหกรรมสุกรไทย วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ราคาเนื้อหมู ตกต่ำ คาดการณ์ แนวโน้มราคา ในอนาคต และมองหา ทางออก เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของเกษตรกรและผู้บริโภค
ราคาหมูหน้าฟาร์มไทยปี 67 คือขาลง หดตัว 10.2% เผชิญแรงกดดันมากมาย
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2567 ราคาสุกรหน้าฟาร์มคาดว่าจะ หดตัว 10.2% เมื่อเทียบกับปี 2566 แรงกดดันหลักมาจาก ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาสุกรในกลุ่มผู้ผลิตรายสำคัญของโลก เช่น จีน บราซิล และเดนมาร์ก ปรับลดลงตามไปด้วย แม้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์จะปรับลดลง แต่ ปริมาณการผลิตสุกรยังกลับมาไม่เต็มที่ เนื่องมาจาก ราคาสุกรหน้าฟาร์มที่ไม่จูงใจ ประกอบกับ ต้นทุนอื่นๆ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สำหรับแรงกดดันมาจากต้นทุนการผลิตสุกรในประเทศไทย ยังคงเผชิญแรงกดดัน แม้จะมีแนวโน้มปรับลดลงตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลก โดยเฉพาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี และปลาป่น
อนาคตของราคา "เนื้อหมู" ไทย ยังไม่ฟื้นตัว ราคายังไม่นิ่ง และทางตันของเกษตรกร
แม้จะผ่านพ้นวิกฤตโรค ASF มาแล้ว แต่ปริมาณการผลิตสุกรในประเทศไทยยังกลับมาไม่เต็มที่ ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่า ปี 2566 ผลผลิตสุกรอยู่ที่ 17.5 ล้านตัว แม้จะเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ 15.8 ล้านตัว แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติก่อนเกิดโรคระบาด ที่เคยอยู่ที่ 21-22 ล้านตัว
สาเหตุหลักมาจากราคาสุกรที่เกษตรกรขายได้หน้าฟาร์มยังต่ำ ไม่จูงใจให้เพิ่มผลผลิต ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 ราคาสุกรหน้าฟาร์มอยู่ที่ 66 บาท/กก. หดตัว 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ราคาขายปลีกเนื้อหมูเฉลี่ยในประเทศปรับลดลงตาม เหลือ 164 บาท/กก. หดตัว 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ต้นทุนการผลิตสุกร ยังมีแนวโน้มปรับขึ้น ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ค่าแรงงาน ฯลฯ ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันเกษตรกร โดยต้นทุนการผลิตสุกร ปี 2566 อยู่ที่ 87.5 บาท/กก. ขณะที่ราคาขายสุกรหน้าฟาร์มอยู่ที่ 78.0 บาท/กก. เกษตรกรขาดทุนสุทธิ 9.5 บาท/กก.
ปี 67 ราคาสุกรหน้าฟาร์ หดตัว 10.2%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ปี 2567 ราคาสุกรหน้าฟาร์มอาจอยู่ที่ 70 บาท/กก. หดตัว 10.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลต่อเนื่องให้ราคาขายปลีกเนื้อหมูเฉลี่ยในประเทศน่าจะลดลง เหลือ 166 บาท/กก. หดตัว 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน สถานการณ์นี้ ส่งผลต่อทิศทางการผลิตสุกรในประเทศ โดยเฉพาะการกลับมาเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายย่อย เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาทางยกระดับราคาและสร้างกลไกสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของการผลิตสุกรอย่างยั่งยืน
สรุปอนาคตของอุตสาหกรรมสุกรไทยขึ้นอยู่กับความร่วมมือและความทุ่มเทจากทุกภาคส่วน การขับเคลื่อนแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับอุตสาหกรรมสุกรไทยให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืน