งานวิจัยใหม่จาก TransUnion บริษัทจัดทำรายงานเครดิตจากประเทศ สหรัฐอเมริกา พบว่าคนอายุ 20 ต้นๆในเวลานี้กำลังมีรายได้น้อยลง แต่เป็นหนี้สินมากขึ้นและมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าคนยุคมิลเลนเนียลในช่วงวัยเดียวกัน
ผลวิจัยชี้คนเจน Z มีรายได้น้อยลง เป็นหนี้มากขึ้น กว่าคนยุคมิลเลนเนียล
ผลการวิจัยนี้สรุปพฤติกรรมการใช้เครดิตของคนเจน Z คือกลุ่มคนที่มีอายุ 22 ถึง 24 ปี โดยเปรียบเทียบกับคนยุคมิลเลนเนียลในช่วงอายุเดียวกันนี้เมื่อปี 2013 (คนเจน Z เกิดระหว่างปี 1995 ถึง 2012 ส่วนมิลเลนเนียลเกิดระหว่างปี 1980 ถึง 1994) ปัจจุบันมีอายุ 28-43 ปี
คนเจน Z เหมือนกับ คนยุคมิลเลนเนียล คือต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน สำหรับคนเจน Z คือการระบาดของโควิด-19 ส่วนมิลเลนเนียลคือวิกฤตการเงินโลก แต่คนยุคนี้ที่เพิ่งเริ่มทำงานมีอุปสรรคอีกอย่าง นั่นคือเงินเฟ้อที่ไม่ยอมลดลงง่ายๆ ทำให้ราคาทุกอย่างพุ่งสูงขึ้น ตั้งแต่น้ำมัน ไปจนถึงอาหาร อัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบ 23 ปี ก็ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้รถยนต์ เงินกู้นักศึกษา และเงินกู้บ้านพุ่งตามไปด้วย
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานเท่านั้น ระบบเครดิตทั้งประเทศ(สหรัฐอเมริกา)ก็มีหนี้สินและการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนใหญ่ รายงานอีกฉบับของ TransUnion พบว่า ยอดหนี้บัตรเครดิตของคนอเมริกันรวมกันทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปี 2023 แต่เนื่องจากคนเจน Z เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางการใช้บัตรเครดิต ผู้เชี่ยวชาญจึงบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเขาจะต้องสร้างนิสัยการเงินที่ดีตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่จะช่วยพวกเขาในอนาคต
ทำไมเราถึงเห็นว่า Gen Z ถึงเป็นหนี้มากกว่าคนเมื่อ 10 ปีก่อน?
จากบทสัมภาษณ์ในรายการ Before the Bell ที่ได้พูดคุยกับ Charlie Wise หัวหน้าฝ่ายวิจัยและให้คำปรึกษาทั่วโลกของ TransUnion ระบุถึงแนวทางแก้ไขให้สถานการณ์เครดิตของคนเจน Z ดีขึ้นระบุว่า ถ้าเราลองพิจารณาราคาสินค้าและค่าครองชีพ จะเห็นว่า คนGen Z ใช้จ่ายสินค้าในราคาที่สูงเป็นสัดส่วนใหญ่ของรายได้ โดยเฉพาะค่าเช่าบ้านที่เป็นส่วนสำคัญมาก และเราเห็นการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าเป็นเลขสองหลักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หรือแต่แม้กระทั่งอาหารการกิน การรับประทานอาหารนอกบ้าน ราคาน้ำมัน ราคารถยนต์และการเดินทาง ทุกอย่างล้วนมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้พบว่า ผู้บริโภค Gen Z ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน พวกเขาเช่า หรือ อาศัยอยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง แต่ในกรณีที่พวกเขาเป็นผู้เช่า พวกเขาจะได้รับผลกระทบเพิ่มเติมที่เจ้าของบ้านที่ซื้อบ้านก่อนปี 2022 ไม่ได้เผชิญ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน เงินผ่อนบ้านของคุณมักจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ค่าเช่าของคุณเปลี่ยนแปลง ดังนั้นผมคิดว่านี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียดทางการเงินที่ผู้บริโภค Gen Z ได้รับ
คนไทย เป็นหนี้บัตรเครดิตกว่า 24 ล้านใบและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามตัวเลขการผิดนัดชำระที่พุ่งกว่า 32.4%
จากข้อมูลของ คุณ สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ได้เปิดเผยข้อมูลไตรมาสที่ 1/2567 เกี่ยวกับสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งมีประเด็นที่น่ากังวลหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำเป็น 8% ตั้งแต่ต้นปี 2567 ซึ่งส่งผลให้เกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับตัวเลข ณ มีนาคม 2567 ชี้ให้เห็นยอดหนี้บัตรเครดิต 5.5 แสนล้านบาทจาก 24 ล้านใบ แม้เติบโต 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่กลับลดลง 5.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 สิ่งที่น่ากังวลคือจำนวนบัตรเครดิตที่เป็น NPLs พุ่งสูงถึง 1 ล้านใบ คิดเป็นมูลหนี้ 6.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น หนี้กำลังจะเสีย (SM) ก็พุ่งสูงเช่นกัน
โดยมีจำนวนบัตรที่ชำระหนี้ติดขัดถึง 1.9 แสนใบ คิดเป็นมูลหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 32.4% จากปีก่อน และ 20.6% จากสิ้นปี 2566 ตัวเลขเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า หากไม่มีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด สถานการณ์หนี้เสียอาจลุกลามบานปลายและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
คำแนะนำอะไรสำหรับคน Gen Z เมื่อสถานการณ์ทางการเงิน กำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก
คุณ Charlie ได้กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องตระหนักคือ แม้ว่าทุกคนจะไม่สามารถชำระบัตรเครดิตเต็มจำนวนทุกเดือนได้ แต่การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่องและจ่ายเพียงขั้นต่ำ จะสร้างโอกาสให้คุณสะสมหนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และจะใช้เวลานานมากในการชำระยอดบัตรเครดิตทั้งหมด หากจ่ายเพียงขั้นต่ำทุกเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณยังคงใช้บัตรเหล่านั้นต่อไป
ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าคุณสามารถจ่ายได้เท่าไหร่ และใช้จ่ายอะไรได้บ้าง (เป็นสิ่งสำคัญ) ในบางกรณี ผู้บริโภคมีระดับหนี้ที่สูงมาก มีโอกาสที่จะรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตด้วยรูปแบบหนี้ที่ถูกกว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสิ่งนี้ คุณถูกบังคับให้ชำระเงินจำนวนมากทุกเดือน และผู้บริโภคสามารถรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นรูปแบบที่ถูกกว่าได้ ในช่วงสองสามปี พวกเขาสามารถชำระหนี้ได้ กุญแจสำคัญคืออย่าใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อชำระหนี้บัตรเครดิต แล้วกลับไปใช้จ่ายบัตรเครดิตจนเต็มวงเงินอีกครั้งหลังจากที่คุณทำเช่นนั้น
กุญแจสำคัญ 4 ดอกสู่การปลดหนี้
- สำรวจสถานการณ์หนี้: เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจประเภทของหนี้ที่คุณมี หนี้รวย คือ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น หนี้จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ในขณะที่หนี้จน คือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และมักเกิดจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น หนี้บัตรเครดิตจากการช้อปปิ้ง การวิเคราะห์ประเภทของหนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการชำระคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- แจกแจงหนี้ทั้งหมด: รวบรวมและจดบันทึกรายละเอียดหนี้ทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้อื่นๆ ทำเป็นตารางแสดงประเภทหนี้ ยอดหนี้คงเหลือ อัตราดอกเบี้ย และยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือน รวมถึงวันครบกำหนดชำระ การเห็นภาพรวมของหนี้สินจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญในการชำระคืนได้
- จัดทำงบกระแสเงินสด: บันทึกรายรับรายจ่ายประจำเดือนของคุณอย่างละเอียด แยกแยะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็น เพื่อระบุส่วนที่สามารถลดได้ การทำงบประมาณจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของสถานะทางการเงิน และวางแผนการชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- รวมหนี้เป็นก้อนเดียว: หากคุณมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ การรวมหนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยให้คุณลดภาระดอกเบี้ยและยอดผ่อนชำระต่อเดือนลง ทำให้บริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้นและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
ทั้ง 4 ขั้นตอนสำหรับการปลดหนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความตั้งใจและวินัย แต่ด้วยการวางแผนและจัดการอย่างเป็นระบบ คุณก็สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินได้
สุขภาพทางการเงินของคน Gen Z ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
คุณ Charlie กล่าวทิ้งท้าย "สุขภาพทางการเงินของ Gen Z ในเวลานี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะวิกฤตหรือไม่? ผมคิดว่านั่นเป็นการประเมินที่ถูกต้อง เราเห็นว่ายอดคงเหลือบัตรเครดิตเฉลี่ยต่อผู้บริโภค แม้ปรับอัตราเงินเฟ้อแล้ว ยังสูงกว่าคนยุคมิลเลนเนียลเมื่อทศวรรษที่แล้ว 26% ดังนั้นนี่คือผู้บริโภคที่หันไปพึ่งหนี้มากขึ้น แต่แม้จะมีระดับการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้นที่เราเห็น เราไม่คิดว่านี่จะเป็นสาเหตุของการเตือนภัย
สำหรับผู้บริโภค Gen Z พวกเขาอาจอยู่ในช่วงของอาชีพที่พวกเขาอาจได้รับการขึ้นเงินเดือนอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเปลี่ยนจากงานแรก ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง หรือรับบทบาทอื่น ๆ ภายในองค์กร หรือมองหางานใหม่ที่มีโอกาสเพิ่มรายได้ แต่ในขณะเดียวกัน คุณต้องทำให้แน่ใจว่าคุณกู้ยืมและใช้จ่ายภายในขอบเขตที่คุณสามารถจ่ายได้หรือไม่"
ที่มา CNN และ ธนาคารกรุงศรี