ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลได้ประกาศความพร้อมในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยโครงการนี้ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการแล้ว และมีกำหนดเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567
บทความนี้จะสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโครงการฯ ทั้งในด้านวัตถุประสงค์ ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่คาดหวัง คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ กำหนดการลงทะเบียนและใช้งาน รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าว ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยประกาศความพร้อมในการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยยืนยันว่าโครงการฯ ได้ผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนตามหลักกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ แล้ว
วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้คือการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากด้วยการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจระดับชุมชนทั่วประเทศ ผ่านการจับจ่ายใช้สอยระหว่างประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย นอกจากนี้ยังมุ่งบรรเทาภาระค่าครองชีพ ลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของประชาชน อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โครงการนี้ยังส่งเสริมการพึ่งพาตนเองโดยสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพและพัฒนาเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนและชุมชน และขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยโครงการฯ คาดว่าจะสร้าง "พายุหมุนทางเศรษฐกิจ" 4 ลูก อาทิ
ผลทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์จากโครงการนี้ (พายุหมุนทางเศรษฐกิจ) ประกอบด้วย การจับจ่ายใช้สอยระหว่างประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในทุกภูมิภาค, การหมุนเวียนทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในทุกระดับ, การขยายตัวของภาคธุรกิจ ซึ่งจะส่งเสริมการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนที่จะสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภาพรวม กำหนดการดำเนินโครงการเปิดลงทะเบียนระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567 และเริ่มใช้จ่ายภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล สองรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการฯ โดยระบุถึงคุณสมบัติของประชาชนที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ดังนี้
หมายเหตุ: ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการฯ จะมีการประกาศให้ทราบในโอกาสต่อไป
ประเภทสินค้าที่สามารถใช้เงิน เงินดิจิตอล 10,000 บาท ซื้อได้
ประเภทสินค้า: สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ได้ ยกเว้นสินค้าต้องห้าม (Negative List) ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ผลิตภัณฑ์ยาสูบ, กัญชา, กระท่อม, พืชกระท่อม, ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม, บัตรกำนัล, บัตรเงินสด, ทองคำ, เพชร, พลอย, อัญมณี, น้ำมันเชื้อเพลิง, ก๊าซธรรมชาติ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, และเครื่องมือสื่อสาร ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาปรับปรุงรายการสินค้าต้องห้ามเพิ่มเติมได้ และการใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ ไม่ครอบคลุมถึงบริการต่าง ๆ
เพื่อความสะดวก รัฐบาลขอเชิญชวนให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" และดำเนินการยืนยันตัวตนล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้จาก App Store สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Google Play สำหรับระบบปฏิบัติการ Android ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ ดำเนินการนำเสนอรายละเอียดโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้
สำหรับประชาชนผู้สนใจ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน 1111 ซึ่งพร้อมให้บริการข้อมูลและคำปรึกษาแก่ประชาชนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
รัฐบาลมั่นใจว่าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ โดยรัฐบาลพร้อมแล้วที่จะดำเนินโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ และขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการเข้าร่วมโครงการและรับประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจครั้งนี้อย่างเต็มที่