อินไซต์เศรษฐกิจ

ธุรกิจสมุนไพรไทย โอกาสทองที่สำหรับผู้ประกอบไทย มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาท

3 ก.ย. 67
ธุรกิจสมุนไพรไทย โอกาสทองที่สำหรับผู้ประกอบไทย มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาท

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและมองหาทางเลือกจากธรรมชาติมากขึ้น ธุรกิจสมุนไพรไทยกำลังเบ่งบานและเป็นที่จับตามองทั้งในและต่างประเทศ ด้วยมูลค่าตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและการสนับสนุนจากภาครัฐ ธุรกิจนี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยในการสร้างรายได้และเติบโตอย่างยั่งยืน มาติดตามกันว่าธุรกิจสมุนไพรไทยมีศักยภาพอย่างไร และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ

ธุรกิจสมุนไพรไทย โอกาสทองที่สำหรับผู้ประกอบไทย มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาท

ธุรกิจสมุนไพรไทย โอกาสทองที่สำหรับผู้ประกอบไทย มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาท

จากข้อมูลทาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยสถิติที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรอย่างคึกคักถึง 18,342 ราย ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 147,580.84 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มขายปลีก/ขายส่ง ซึ่งมีผู้เล่นมากที่สุดถึง 15,060 ราย และมีเงินทุนจดทะเบียนสูงถึง 124,792.36 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มผลิต/แปรรูป 1,778 ราย (ทุนจดทะเบียน 16,523.04 ล้านบาท) และกลุ่มเพาะปลูก 1,504 ราย (ทุนจดทะเบียน 6,265.44 ล้านบาท)

เมื่อพิจารณาขนาดของธุรกิจ พบว่าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) จำนวน 17,224 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสอันมหาศาลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในการเข้ามาสร้างธุรกิจจากสมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นและสมุนไพรพื้นบ้านที่มีอยู่มากมายในประเทศไทยมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

ข้อได้เปรียบที่สำคัญของผู้ประกอบการไทยคือ ความหลากหลายของสมุนไพรที่สามารถเพาะปลูกได้ในประเทศ ช่วยให้ควบคุมคุณภาพและลดต้นทุนการผลิตได้ อีกทั้งยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างครอบคลุม

ภาพรวมผลประกอบการของธุรกิจสมุนไพรในปี 2566 ยิ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของตลาดนี้ ด้วยรายได้รวมสูงถึง 872,466.83 ล้านบาท และกำไร 27,497.70 ล้านบาท โดยกลุ่มขายปลีก/ขายส่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้และกำไรสูงสุด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจสมุนไพรไทย

สมุนไพรไทย ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ มุ่งสู่ตลาดโลก

นักลงทุนต่างชาติเองก็เล็งเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจสมุนไพรไทยเช่นกัน โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 38,707.25 ล้านบาท โดยกลุ่มขายปลีก/ขายส่งเป็นกลุ่มที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้มากที่สุดถึง 34,042.05 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในตลาดสมุนไพรไทยและโอกาสในการเติบโตในอนาคต ประเทศที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจสมุนไพรไทยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าการลงทุน 11,809.12 ล้านบาท ตามมาด้วยญี่ปุ่น 5,082.04 ล้านบาท และสิงคโปร์ 3,274.73 ล้านบาท

ตลาดต่างประเทศถือเป็นขุมทรัพย์ที่รอการเปิดสำหรับธุรกิจสมุนไพรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ ทั้งในแง่ของการใช้งานเองและการซื้อเป็นของฝาก ไม่ว่าจะเป็นยาดม ยาหม่อง เครื่องสำอาง ยา หรือแม้แต่อาหาร ยิ่งไปกว่านั้น ปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ที่ผู้มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยและต่างชาติ หยิบสินค้าไทยอย่าง "ยาดม" ขึ้นมาใช้และมีภาพเผยแพร่ไปทั่วโลก ยิ่งช่วยตอกย้ำความนิยมและสร้างกระแสให้กับผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในระดับสากล ตัวอย่างเช่น นักร้องไทยชื่อดังระดับโลกอย่าง "ลิซ่า BLACKPINK" ที่เคยใช้ยาดมในรายการเรียลลิตี้ ทำให้ยาดมไทยกลายเป็นที่รู้จักและต้องการของแฟนคลับทั่วโลก

ทำไมธุรกิจสมุนไพรไทย ถึงได้รับความนิยมทั้งไทยและเทศ

ธุรกิจสมุนไพรไทย โอกาสทองที่สำหรับผู้ประกอบไทย มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาท

จากการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของผู้บริโภคทั่วโลกต่อการดูแลสุขภาพ โดยหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการใช้ธรรมชาติบำบัดมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทองของธุรกิจสมุนไพรไทยที่ได้รับการยอมรับในเรื่องภูมิปัญญาและคุณภาพมาอย่างยาวนาน

สมุนไพรไทย อาทิ ฟ้าทะลายโจร กระชาย ขมิ้นชัน ฯลฯ ต่างเป็นที่รู้จักในวงกว้างถึงสรรพคุณในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ความต้องการผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในและต่างประเทศ ภาครัฐเล็งเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจสมุนไพรไทย จึงให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการตลาด การสร้างมาตรฐานและการรับรองคุณภาพ เพื่อให้ธุรกิจสมุนไพรไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคง

อนาคตที่สดใสของธุรกิจสมุนไพรไทย

ด้วยความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐและความได้เปรียบทางทรัพยากรธรรมชาติ ธุรกิจสมุนไพรไทยจึงมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และก้าวไปสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคง

หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่กำลังมองหาธุรกิจที่มีอนาคตสดใส ธุรกิจสมุนไพรไทยคือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้น มาตรฐานที่สูงขึ้น และการสนับสนุนจากภาครัฐ ธุรกิจนี้พร้อมที่จะเติบโตและสร้างผลกำไรให้กับผู้ที่กล้าที่จะลงทุนและพัฒนา

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT