การเงิน

ตลท.แนะลูกค้าAWS ขอโอนหุ้นไปโบรกอื่นได้ กลต.ยืนยันโบรกอื่นไม่น่าห่วง

18 พ.ย. 65
ตลท.แนะลูกค้าAWS ขอโอนหุ้นไปโบรกอื่นได้ กลต.ยืนยันโบรกอื่นไม่น่าห่วง
ไฮไลท์ Highlight
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง และเป็นเหตุสุดวิสัย สิ่งที่เราพยายามแก้ปัญหาต้องพยายามแก้ทีละส่วน โดยส่วนแรกต้องจับให้ได้ก่อนว่า ใครโกง ใครฉ้อโกง ใครปั่นหุ้น ส่วนที่ 2 คือ ใครทำอะไรไม่ถูกต้องในปัจจุบัน และในส่วนที่ 3 คือ ในอนาคตคือจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกได้อย่างไร”  "เราได้ให้คำมั่นเลยว่า เราจะมาดูจุดอ่อนจุดรั่วที่มีขึ้น และจะมีการแก้ไข แต่เราไม่สามารถทำพร้อมกัน เหมือนไฟไหม้บ้าน สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ดับไฟก่อน หลังจากนั้นถึงจะมาวางแผนสร้างบ้านใหม่ที่มีระบบดับเพลิงระบบต่าง ๆ ที่ดีพร้อมขึ้น ฝากให้ค่อย ๆ ดูว่าสิ่งที่เราพยายามทำจะสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุนให้กลับมาอย่างไร"นายภากร กล่าว  

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้ บล.เอเชีย เวลท์ (AWS) หยุดการประกอบธุรกิจเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบว่าบริษัทนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยลูกค้าไม่ได้มีคำสั่งหรือยินยอมนั้นวันนี้ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยการดำเนินการดังนี้

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงสั่งระงับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จาก AWS เป็นการชั่วคราว ในส่วนของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็จะอนุญาตให้เฉพาะคำสั่งซื้อขายที่เป็นการล้างสถานะที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ จนกว่าสำนักงาน ก.ล.ต. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

  • ในส่วนของหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นกับ AWS ได้ แต่ผู้ลงทุนสามารถขอโอนหุ้นที่ฝากกับ AWS ไปฝากยังบัญชีของตนที่เปิดกับโบรกเกอร์อื่นเพื่อซื้อขายต่อได้ กรณีไม่มีบัญชีที่โบรกเกอร์อื่นสามารถโอนเข้าบัญชี Issuer Account (600) ที่ TSD ได้ และเมื่อเปิดบัญชีที่บริษัทหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วก็สามารถที่จะโอนหุ้นจากบัญชี 600 ไปซื้อขายต่อไป
  • ส่วนของอนุพันธ์ ลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อปิดสถานะได้เท่านั้น ไม่สามารถเปิดสถานะได้ หากลูกค้าปิดสถานะแล้ว ลูกค้าก็สามารถที่จะขอถอนหลักประกันออกไปได้ตามปกติ กรณีลูกค้าไม่ประสงค์จะปิดสถานะแต่ต้องการโอนไปซื้อขายต่อที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ตนมีบัญชีอยู่ก็สามารถแจ้งต่อบริษัทหลักทรัพย์ได้เช่นกัน

คุณภากร ระบุว่า เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุเฉพาะรายบริษัทหลักทรัพย์ AWS เท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์อื่นยังให้บริการตามปกติ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการติดตามฐานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง และเป็นเหตุสุดวิสัย สิ่งที่เราพยายามแก้ปัญหาต้องพยายามแก้ทีละส่วน โดยส่วนแรกต้องจับให้ได้ก่อนว่า ใครโกง ใครฉ้อโกง ใครปั่นหุ้น ส่วนที่ 2 คือ ใครทำอะไรไม่ถูกต้องในปัจจุบัน และในส่วนที่ 3 คือ ในอนาคตคือจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกได้อย่างไร” 

"เราได้ให้คำมั่นเลยว่า เราจะมาดูจุดอ่อนจุดรั่วที่มีขึ้น และจะมีการแก้ไข แต่เราไม่สามารถทำพร้อมกัน เหมือนไฟไหม้บ้าน สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ดับไฟก่อน หลังจากนั้นถึงจะมาวางแผนสร้างบ้านใหม่ที่มีระบบดับเพลิงระบบต่าง ๆ ที่ดีพร้อมขึ้น ฝากให้ค่อย ๆ ดูว่าสิ่งที่เราพยายามทำจะสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุนให้กลับมาอย่างไร"นายภากร กล่าว

 

สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ยืนยัน กรณี AWS เป็นเรื่องเฉพาะตัว 

ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ระบุว่า การนำเงินของลูกค้าเข้าบัญชีเป็นเกณฑ์ปกติที่จะต้องแยกทรัพย์สินลูกค้าออกจากบริษัท ซึ่งทุกบริษัทต้องดำเนินการเหมือนกัน และมีการตรวจสอบจากทางการตลอดเวลา ดังนั้น กรณีของ AWS เป็นเรื่องเฉพาะตัวของบริษัทที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ในการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งสมาคมฯ ยืนยันว่าทุกบริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติเป็นปกติในการดูแลทรัพย์สินของลูกค้า

การเปิดข้อมูลเงินกองทุน (NC) ของแต่ละโบรกเกอร์เพื่อให้เห็นสถานะทางการเงินนั้น ไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ของทางการ และสูตรคำนวณมีความซับซ้อนมาก เพราะฉะนั้นมีความอ่อนไหวในการเปิดเผยพอสมควร ซึ่งอาจจะสร้างความไม่เข้าใจให้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เนื่องจากจะมีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น การเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี่อาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องความเชื่อมั่นได้มากนัก แต่เราต้องมั่นใจว่าผู้กำกับดูแลทำงานมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว

"การที่มีบริษัท 1 บริษัททำไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ คงไม่ใช่ภาระหน้าที่ของสมาคม ผมคิดว่าทุกธุรกิจมีบริษัทที่อาจจะมีข้อผิดพลาด ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ทุกอุตสาหกรรมมีเกิดขึ้นได้ คงไม่มีใครสามารถการันตีได้ แต่ในเชิงสมาคม เราได้พูดคุยกันตลอดเวลา และได้พูดคุยกับผู้กำกับดูแลในการที่จะปรับกฎเกณฑ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนมาโดยตลอด"นายพิเชษฐ์ กล่าว

ก.ล.ต.ระบุโบรกอื่นยังไม่น่าห่วง 


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า หลังจากเกิดกรณีการซื้อขายหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ที่ผิดปกติ ก.ล.ต.ก็ได้ถือว่าเรื่องนี่เป็นกรณีเร่งด่วน จึงได้ร่วมประสานงานกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ลงไปตรวจสอบ บล.ต่าง ๆ โดย ณ ขณะนี้นอกเหนือจาก บล.เอเชีย เวลท์ (AWS) แล้วก็ยังไม่พบว่ามี บล.แห่งอื่นที่น่าเป็นห่วง

ก.ล.ต. ชี้แจงว่าคำสั่งปิดทำการชั่วคราว AWS สืบเนื่องมาจากการรายงานของบริษัท ประกอบกับการที่สำนักงาน ก.ล.ต.เข้าไปตรวจสอบบริษัทร่วมด้วย พบว่ามีการนำเงินในบัญชีของลูกค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อนำไปชำระราคาหลักทรัพย์ ซึ่ง ก.ล.ต.พบว่ามีเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินของลูกค้า

"บริษัทเขาคงพิจารณาแล้ว ณ ขณะนั้นว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา"นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว

ขณะนี้ยังต้องรอว่า AWS สามารถนำเงินมาคืนในบัญชีลูกค้าได้ตามกำหนดวันที่ 20 พ.ย.นี้หรือไม่ โดย ก.ล.ต.ได้เตรียมแนวทางดำเนินการไว้แล้วทั้งกรณีที่สามารถคืนเงินได้หรือคืนเงินไม่ได้ เท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บริหาร AWS ในเบื้องต้น บริษัทแจ้งว่ามีแผนงานอยู่หลายช่องทาง จึงจะรอให้ถึงเวลานั้นก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม การนำเงินลูกค้าไปใช้โดยไม่ถูกต้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่จะต้องมีการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย ส่วนจะนำไปถึงความผิดในส่วนอื่น ๆ หรือกฎหมายฉบับอื่นด้วยหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณากันในขั้นตอนต่อไป

ตลท.เตรียมส่งข้อมูลหุ้น MORE ให้ตำรวจและปปง. ตรวจสอบ

ส่วนกรณีของหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) วันนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)คาดว่า ตลท.จะสามารถรวบรวมข้อมูลจากการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการทั้งในกรณีฉ้อโกงและปั่นหุ้น โดยตลท.ได้เข้าไปหาหลักฐานเพื่อการดำเนินคดีฉ้อโกงและปั่นห้น ในฐานะฝ่ายกำกับดูแลที่จะต้องทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยในส่วนของคดีฉ้อโกงได้รับการขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ปปง. ซึ่งเป็นคดีที่โบรกเกอร์ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักลงทุนที่ผิดนัดชำระเงิน

ส่วนจะมีการปลดเครื่องหมาย SP หุ้น MORE ได้เมื่อใดนั้น นายภากร กล่าว่า หากกรณีการตรวจสอบข้อมูลมีความชัดเจนก็จะมีการเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ได้

advertisement

SPOTLIGHT