หุ้น MORE ร่วงกราวรูดหลังเปิดตลาดซื้อขายวันแรกในรอบ 1 สัปดาห์ ราคาดิ่ง 29.93% ต่ำติดฟลอร์ 0.96 บาท ขณะ ปปง.สั่งอายัดทรัพย์สินวันนี้ 34 รายการ
วันนี้ (21 พ.ย. 2565) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แจ้งเรื่องการปลดเครื่องหมาย SP บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE แล้ว เนื่องจากบริษัทครบกำหนดขึ้นเครื่องหมาย SP เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ย.65 ทำให้บริษัทสามารถกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ และตลท.ยืนยันว่าไม่กระทบระบบการซื้อขายวันนี้
อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวลบที่ออกมาตลอดทั้งสัปดาห์ ส่งผลให้ราคาหุ้น MORE เปิดตลาดลดลงทันที 0.41 บาท หรือ 29.93% อยู่ที่ 0.96 บาท
หากนับจากที่ราคาหุ้น MORE เคยปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือน อยู่ที่ 2.98 บาท โดยมีมาร์เก็ตแคปถึง 14,857 ล้านบาท แต่วันนี้ มาร์เก็ตแคปได้ลดลงมากกว่าหมื่นล้านบาทไปแล้ว จนเหลือเพียง 4,786 ล้านบาท เท่านั้น!
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ในวันนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปลดเครื่องหมาย SP เพื่อเปิดให้มีการซื้อขายหุุ้น MORE ตามปกติ หลังจากพิจารณาแล้วว่าการดำเนินการตลอด 5 วันที่ผ่านมาในสัปดาห์ก่อน ได้ทำอย่างครบถ้วนแล้ว
“ผลกระทบจากการที่จะปลด SP เราได้คำนวณและดูผลกระทบต่าง ๆ แล้ว โดยมองว่าจะไม่มีผลกระทบต่อระบบ จึงค่อนข้างมั่นใจในการที่จะเปิดให้ซื้อขายได้ ทั้งนี้ เราค่อนข้างพอใจกับความสำเร็จในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ว่าได้ส่งข้อมูลให้กับทางตำรวจยอ่างครบถ้วน รวมถึงการส่งข้อมูลให้กับผู้กำกับดูแลที่เกี่ยวข้องแล้ว” นายภากร กล่าว
อย่างไรก็ดี ล่าสุดในวันนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่งได้รับข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่แจ้งด่วนเข้ามาเช้านี้ว่า ทาง ปปง. ได้มีคำสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเสียหายจากกรณีหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดขึ้นรวม 34 รายการ พร้อมดอกผล มีระยะเวลาไม่กำหนดภายในไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่มีคำสั่งออกไปในวันนี้
พบซื้อขายผิดปกติทั้ง "ผู้ซื้อ-ผู้ขาย"
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แถลงร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) กรณีความคืบหน้ากรณีหุ้น บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE) ว่า จากความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ที่พบในวันที่ 10 พ.ย. 2565 นั้น พบสภาพการซื้อขายผิดปกติ โดยมีราคาปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด +4.3% จากราคาปิดในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งวันที่สูงมากถึง 7,143 ล้านบาท (เฉลี่ย 30 วันก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 360 ล้านบาท) ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดตลาด มีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ เกือบ 4,300 ล้านบาท
สำหรับลักษณะของการส่งคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติ คือ
"ฝั่งซื้อ" พบว่า เป็นการส่งคำสั่งซื้อจาก "ผู้ซื้อเพียง 1 ราย" ผ่านบริษัทสมาชิกหลายแห่งที่ราคา 2.90 บาท
"ฝั่งขาย" พบว่า มีการส่งคำสั่งขายเป็นจำนวนมากจากผู้ขายหลายราย ที่ระดับราคาใกล้เคียงกับราคาเสนอซื้อ โดยมีจำนวนที่สั่งขายตั้งแต่ประมาณ 70 ล้านหุ้น/ราย ไปจนถึงประมาณ 600 ล้านหุ้น/ราย
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประสานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้เข้ามาทำการสอบสวน ขณะที่สมาชิกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย 11 แห่ง ก็ได้ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) แล้ว
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า มูลค่าความเสียหายครั้งนี้อาจจะสูงถึง 7,500 ล้านบาท หากจะนับรวมกับนักลงทุนรายอื่นๆที่เข้ามาร่วมในการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ นอกเหนือจากรายการพบความผิดปกติเกือบ 4,500 ล้านบาทจากราคาเปิดเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่สูงถึง 2.9 บาท ในจำนวน 1,500 ล้านหุ้น