หุ้นไทยวันนี้บวกเกือบ 40 จุด ดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง จากครั้งล่าสุดที่หุ้นไทยเหนือ 1,400 จุด เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 จากปัจจัยเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เร็วกว่าคาด หนุนการสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และกองทุนวายุภักดษ์ที่จะเข้ามาข่วยหนุนตลาดทุนไทย พร้อมด้วย ล่าสุด ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยออกมาน้อยกว่าที่คาด
หุ้นไทยทะลุ 1,400 จุด หลังตั้งรัฐบาลเร็ว วายุภักษ์หนุน 'นายกฯ อุ๊งอิ๊ง'หุ้นขึ้น 100 จุด
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้ 5 กันยายน 2567 เปิดตลาดช่วงเช้าที่ดัชนี 1,374.52 จุด เพิ่มขึ้น 9.03 จุด หรือ +0.66% และปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาทะลุ 1,400 จุด เมื่อเวลา 14.10 น. ดัชนีหุนไทยปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,400.43 จุด เพิ่มขึ้น 34.94 จุด หรือ +2.56% มีการผันผวนขึ้นลง แต่ยังเป็นทิศทางขาขึ้น จนไปแตะระดับสูงสุดที่ระดับ 1,406.36 จุด เพิ่มขึ้น 40.87 จุด หรือ 2.99% เมื่อเวลา 15.39 น.
โดยหุ้นไทยปิดตลาด ที่ระดับ 1,404.28 จุด เพิ่มขึ้น +38.79 หรือ +2.84 % ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ระดับสูงถึง 81,736.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นแรงซื้อกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ถึง +7,484.60 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบัน +3,622.53 ล้านบาท ขณะที่มีแรงเทขายนักลงทุนในประเทศ -10,016.52 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -1,090.60 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ทำให้หุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวก และยืนเหนือ 1,400 จุดได้นั้น มาจากการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เร็วกว่าคาด หนุนการสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และกองทุนวายุภักษ์ที่จะเข้ามาข่วยหนุนตลาดทุนไทย และล่าสุด ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยออกมาน้อยกว่าที่คาด โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ +0.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 0.4-0.5%
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว outperform จากปัจจัยแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เร็วกว่าคาด กองทุนวายุภักษ์ที่จะเข้ามาข่วยหนุนตลาดทุนไทย และล่าสุด ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยออกมาน้อยกว่าที่คาด ซึ่งประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่ระดับเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นสัญญาณบวกต่อการบริโภคภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ให้จับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษวันที่ 7 กันยายน 2567 และ 17 กันยายน 2567 ที่เป็นประชุมครม.อย่างเป็นทางการครั้งแรก
ถ้าหากนับตั้งแต่วันที่ “แพรทองธาร ชินวัตร” ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 หุ้นไทยอยู่ที่ 1,289.84 จุด จนถึงปัจจุบันหุ้นไทยปรับขึ้นมาแล้วกว่า 100 จุด
ขณะที่มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภายหลังจากที่หุ้นไทยทะลุ 1,400 จุดแล้วนั้น เชื่อว่าหุ้นไทยจะมีการพักฐานที่ดัชนี 1,444 จุด โดยมีปัจจัยบวกที่สนับสนุน 6 เรื่องดังนี้
- Growth to Value เห็นได้ค่อนข้างชัดว่า South Asia > North Asia
- New money จาก กองทุนวายุภักษ์
- GDP 2H > 1H ที่ 3.1%
- Flow downgrade EPS น่าจะเริ่มจำกัด โดยเราประเมิน 12mF ที่ 94.0
- เงินบาทที่แข็งค่า 34.0 สนับสนุนจาก USD ที่อ่อนหลัง FED ส่งสัญญาณ Dovish
- โอกาสที่ BOT ลดดอกเบี้ยในช่วง 1Q25 หรืออย่างเร็วธันวาคม 2567
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด(มหาชน) ได้ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นไทยในวันนี้ ถือว่าผ่านค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่ระดับ 1,373 จุดแล้ว ซึ่งประเมินว่ามีโอกาสที่หุ้นไทยจะเดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปีนี้ ที่ระดับ 1,480-1,540 จุด จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวในปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 2.4% และปีหน้าที่ระดับ 2.8-3.2% และมีเม็ดเงินจากดองทุนวายุภักษ์เข้ามาหนุน พร้อมกับกองทุน Thai ESG เกณฑ์ใหม่
โดยกลยุทธ์การลงทุนนั้น แนะนำให้ลงทุนในหุ้น 3 กลุ่ม คือ
- หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ AOT, PTT, KTB
- หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเคิบโคดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP
- หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูง และมีแนวโน้มเติบโตดี อยู่ในธีม Data Center ได้แก่ ADVANCE, GULF