"แบงก์ชาติเตรียมขึ้นดอกเบี้ย ข่าวใหญ่ที่ดูไกลตัวแต่เป็นเรื่องที่แสนใกล้ตัว โดยเฉพาะคนที่มีหนี้หรือคิดกำลังจะมีหนี้ เพราะดอกเบี้ย คือ ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายหลักของการมีหนี้สิน ซึ่งหากแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารต่างๆ ก็มักต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อต่างๆ ของธนาคารตาม ทั้งสินเชื่อที่มีผู้มาขอใหม่และสินเชื่อเดิมที่มีผู้กู้อยู่แล้วหากสินเชื่อนั้นในสัญญาสามารถปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้"
วันนี้มีข้อมูลที่ผู้เป็นหนี้ควรรู้เมื่อดอกเบี้ยขาขึ้นมาฝากกัน
หนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้ธนาคารมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ย คือ หนี้ที่สัญญาเงินกู้ระบุดอกเบี้ยไว้เป็นตัวเลขที่ชัดเจนซึ่งเรียกว่าดอกเบี้ยแบบคงที่ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ทั่วไป สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีกำหนดยอดผ่อนและระยะเวลาผ่อนที่ชัดเจนซึ่งมักเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ ฯลฯ รวมถึงหนี้บัตรเครดิต ที่อัตราดอกเบี้ยเท่ากันทุกธนาคารซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 16%ต่อปี และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ง่ายๆ เหมือนสินเชื่อประเภทอื่น
หนี้ที่ดอกเบี้ยเปลี่ยนได้หากธนาคารประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง มักเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อธุรกิจ รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลบางแห่งหรือบางสัญญา ที่จะมีการคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน จากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หรือเรียกว่าดอกเบี้ยแบบลอยตัว เช่น สินเชื่อที่ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ว่า MRR-2%ต่อปี ซึ่ง MRR ที่ว่าจะเป็นอัตรากี่ %ต่อปี อยู่ที่ว่า ณ ตอนนี้ ธนาคารแห่งนั้นประกาศ MRR ไว้ที่เท่าไร เช่น MRR = 6%ต่อปี แสดงว่าสินเชื่อนี้ปัจจุบันถูกคิดดอกเบี้ยที่ 4%ต่อปี (= 6% - 2%) เมื่อแบงก์ชาติประกาศขึ้นดอกบี้ย มักส่งผลให้ธนาคารต้องมีการประกาศเปลี่ยนแปลง MRR ตาม เช่น เดิม MRR อยู่ที่ 6%ต่อปี อาจเพิ่มขึ้นเป็น 6.25%ต่อปี ทำให้ผู้กู้สินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแบบลอยตัว MRR-2% จะมีต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 4%ต่อปี เป็น 4.25%ต่อปี เป็นต้น
ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแม้ส่วนใหญ่จะไม่ทำให้ยอดผ่อนแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นจากเดิม แต่ก็ทำให้เงินที่ผ่อนในแต่ละเดือนนั้นถูกนำไปจ่ายเป็นดอกเบี้ยมากขึ้น ส่งผลให้ยอดหนี้ลดช้าลง และดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญาสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น
หนี้ทั่วไป เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ สินเชื่อธุรกิจ ฯลฯ เมื่อแบงก์ชาติมีการขึ้นดอกเบี้ย สินเชื่อเหล่านี้ก็มักมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้ใหม่ให้สูงขึ้นกว่าคนเดิมที่กู้อยู่แล้ว ณ ปัจจุบัน ทำให้แม้จะเป็นขอกู้วงเงินเท่าเดิมแต่ยอดผ่อนแต่ละเดือนจะสูงกว่าคนเดิมที่กู้ไปก่อนหน้านี้
ตัวอย่างเช่น
• การกู้บ้าน 1 ล้านบาท สัญญา 30 ปี หากกู้ตอนที่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 6%ต่อปี จะผ่อนเดือนละ 6,000 บาท
• แต่หากวงเงินกู้และระยะเวลาเท่าเดิม แต่กู้ตอนที่ดอกเบี้ยอบู่ที่ 6.25%ต่อปี จะต้องผ่อนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 6,157 บาท
ดอกเบี้ยขึ้น ข่าวร้ายของคนมีหนี้ ที่ทำให้การหมดนั้นต้องช้าออกไปและมาพร้อมดอกเบี้ยรวมที่ต้องจ่ายมากขึ้น ดังนั้นคนมีหนี้จึงต้องให้ความสำคัญและหันกลับมาจัดการหนี้ที่มีเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อยที่สุด เท่าที่เงินเก็บและรายได้ที่มีอยู่จะสามารถทำได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วไทยจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ?
FED ขึ้นดอกเบี้ยกระทบประเทศไทยอย่างไร ลุ้นกนง.ขึ้นดอกเบี้ย ส.ค.นี้
นักวางแผนการเงิน CFP