ชาวซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมเชื้อสายเตอร์กิก (Turkic) ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uyghur Autonomous Region - XUAR) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 3 เท่า และมีประชากรราว 12 ล้านคน พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ทำให้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้งระหว่างจีนและชาติตะวันตก
SPOTLIGHT พาไปทำความรู้จักกับ ชาวซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมเชื้อสายเตอร์กิก (Turkic) ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ (Xinjiang Uyghur Autonomous Region - XUAR) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 3 เท่า และมีประชากรราว 12 ล้านคน พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ทำให้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้งระหว่างจีนและชาติตะวันตก
ซินเจียงตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีพรมแดนติดกับหลายประเทศในเอเชียกลาง เช่น คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน และปากีสถาน ทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ อีกทั้งซินเจียงยังเป็นเส้นทางสำคัญในโครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative - BRI) ซึ่งเชื่อมโยงจีนกับยุโรปและตะวันออกกลาง
พื้นที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นประมาณ 20% ของผลผลิตฝ้ายทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จีนต้องการควบคุมพื้นที่นี้อย่างเบ็ดเสร็จ
ชาวอุยกูร์มีรากทางวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดกับประชากรในเอเชียกลาง เช่น ตุรกี คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน พวกเขาพูดภาษาอุยกูร์ ซึ่งเป็นภาษาตระกูลเตอร์กิกและใช้ตัวอักษรอาหรับ ศาสนาหลักของชาวอุยกูร์คือศาสนาอิสลามซุนนี ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมของชาวจีนฮั่นที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักของจีน
จีนดำเนินนโยบาย "การหลอมรวม" หรือ "Sinicization" เพื่อทำให้วัฒนธรรมของชาวอุยกูร์คล้ายกับชาวจีนฮั่นมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการห้ามใช้ภาษาอุยกูร์ในโรงเรียน การทำลายมัสยิด และการจำกัดเสรีภาพทางศาสนา เช่น การห้ามถือศีลอดในเดือนรอมฎอนและห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้ามัสยิด
แต่สื่อตะวันตกอย่าง บีบีซี รายงานว่า ในปี 2019 เอกสารของทางการจีนที่รั่วไหล ระบุ ถึงรายละเอียดของการล้างสมองอย่างเป็นระบบ ซึ่งจีนนำมาใช้กับชาวมุสลิมหลายแสนคนเป็นครั้งแรก
รัฐบาลจีนถูกกล่าวหาว่ามีการกักขังชาวอุยกูร์กว่า 1 ล้านคนในค่ายที่จีนเรียกว่า "ศูนย์ฝึกอาชีพ" อย่างไรก็ตาม สื่อชาติตะวันตก เช่น BBC และ The New York Times รายงานว่า ค่ายเหล่านี้เป็นสถานที่ที่ชาวอุยกูร์ถูกล้างสมองและบังคับให้ละทิ้งอัตลักษณ์ของตนเอง
มีรายงานจากองค์กรสิทธิมนุษยชนว่า จีนบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมฝ้ายและอิเล็กทรอนิกส์ สหรัฐฯ และยุโรปได้ออกมาตรการคว่ำบาตรสินค้าจากซินเจียงเพื่อตอบโต้
ประเทศตะวันตกมองว่าจีนกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ ถึงกับกล่าวหาว่าจีนกำลังดำเนินการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางวัฒนธรรม" (Cultural Genocide) ต่อชาวอุยกูร์ การคว่ำบาตรและแรงกดดันจากองค์กรระหว่างประเทศยังคงดำเนินต่อไป
จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และอ้างว่านโยบายของพวกเขามีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและรักษาความมั่นคงของรัฐ จีนยังอ้างว่าการดำเนินมาตรการควบคุมในซินเจียงเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านการก่อการร้ายและการป้องกันแนวคิดสุดโต่ง
ความขัดแย้งเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ยังเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และความมั่นคง ซินเจียงเป็นพื้นที่ที่จีนไม่อาจปล่อยให้หลุดจากการควบคุมได้ ในขณะที่ชาติตะวันตกใช้ประเด็นชาวอุยกูร์เป็นเครื่องมือในการกดดันจีน ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เรื่องราวของชาวอุยกูร์ยังคงเป็นอีกหนึ่งความขัดแย้งระหว่างจีนและตะวันตก และอาจยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงต่อไปในอนาคต
อ้างอิง : BBCThe New York Times